ภาพของศิลปินสาวตัวแม่แห่งยุค 1980s อย่างมาดอนน่า ในชุดคอร์เซ็ตซาตินสีชมพู ฝีมือการสร้างสรรค์โดย Jean Paul Gaultier สำหรับทัวร์คอนเสิร์ต Ambition Tour ในช่วงปี 1990s ของเธอนั้น ยังติดตาใครต่อใครหลายคน กระทั่งยังได้กลายเป็นดั่งรูปแบบไอคอนิกที่โลกแฟชั่นให้การยอมรับ และนำไปลอกเลียนแบบ ต่อยอดเป็นไอเท็มดีไซน์ใหม่ต่อมาอีกไม่รู้จบ หรือแม้แต่ใครก็ตามที่เป็นแฟนภาพยนตร์สุดแสนคลาสสิกเช่น Titanic นั้น ก็ยังคงเคยได้เห็นฉากที่นางเอกของเรื่องอย่าง โรส นั้นถูกรัดรึงไว้ด้วยคอร์เซ็ต ภายใต้กระโปรงสุ่ม และชุดดีไซน์แบบสุภาพสตรีวิกตอเรียน ที่เมื่อได้สืบความย้อนกลับไปต่างก็พบว่า คอร์เซ็ตนี้เองที่เป็นดั่งนิยามความงามของหญิงสาวในสมัยอดีตกาล ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นวงกว้างทางฝั่งตะวันตก (ไม่ต่างจากคติความงามของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ในอดีตกาล ที่เชื่อว่าการรัดเท้าลูกสาวให้กลายเป็นรูปดอกบัวนั้นคือความงาม) นิยามความงามที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี้ ไม่เพียงสรรสร้างให้หญิงสาวมีรูปร่างงามในสายตาของคนรอบข้างเท่านั้น หากยังกักเก็บเบื้องหลังความทรมาน และถูกจารึกลงบนหน้าประวัติศาสตร์โลกอันยาวนานไว้ด้วยเช่นกัน
นิยามความงามของคอร์เซ็ตไม่เพียงตีกรอบ และกักขังสุภาพสตรียุคเก่าให้ถูกกดทับอยู่ภายใต้ขนบแห่งมายาคติความงามที่สังคมชายเป็นใหญ่ได้กำหนด หากยังนำพามาซึ่งความเลวร้ายทางการใช้ชีวิตประจำวัน ด้านสุขภาพ และร่างกายอย่างแสนสาหัส เมื่อนิยามความงามที่เฉียดใกล้ความตายมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลกอย่างคอร์เซ็ตนี้เดินทางมาถึงศตวรรษที่ 19 อันนับเป็นโมงยามที่สูงที่สุดแห่งคอร์เซ็ตก็ว่าได้ เพราะคอร์เซ็ตในยุคนี้มีให้เลือกในราคาที่หลากหลาย จนคอร์เซ็ตกลายเป็นชิ้นเสื้อผ้าที่หลายคนสามารถเข้าถึงได้ ถูกสวมใส่โดยผู้หญิงชั้นสูง ไปจนถึงชนชั้นกลาง และเพิ่มจำนวนมากขึ้นโดยผู้หญิงในชนชั้นแรงงานด้วยเช่นกัน จนกระทั่งแพทย์บางคนที่ได้เล็งเห็น และเป็นห่วงในการเปลี่ยนแปลงที่รุกล้ำ และกลืนกินพื้นที่สังคมที่ละน้อยของคอร์เซ็ตนี้ ได้ออกมากล่าวโทษว่า คอร์เซ็ตที่เจ้าหล่อนในสังคมต่างกระเสือกกระสนทำงานเก็บเงินก้อน แล้วนำเงินที่ได้นั้นไปซื้อคอร์เซ็ตมาใส่ เพื่อให้เป็นไปตามครรลองความงามของสังคมในสมัยนั้น มันช่างไม่คุ้มค่ากับที่ต้องแลกมากับโรคระบบทางเดินหายใจผิดปกติ และยังสร้างความเสียหายโดยตรงต่อกระดูกซี่โครง พร้อมด้วยอวัยวะภายในที่จะเกิดข้อบกพร่องตามมา และที่น่าสังเวชใจที่สุดคือสุภาพบุรุษทั้งหลายก็คงจะมองว่าคุณไม่งาม หากการสวมคอร์เซ็ตได้คร่าชีวิตเด็กในครรภ์ของหญิงสาวยุคนั้นไปจำนวนไม่น้อยทีเดียว จนกระทั่งวงการแพทย์ให้สมยานามว่า คอร์เซ็ตก็ไม่ต่างอะไรจากเครื่อทรมานนักโทษ กระนั้นสุภาพสตรีส่วนมากในยุคนั้นก็ยังคงห่วงจินตนาการทางเพศของฝั่งตรงข้ามที่เฝ้ามองเธอ มากกว่าชีวิตตัวเองเป็นไหนๆ เพียงแค่ลดระดับการรัดรึงให้แน่นน้อยลงเท่านั้น หากแฟชั่นคอร์เซตก็ยังเป็นที่นิยมในคนหมู่มากเช่นนั้นต่อไป

ย้อนรอยประวัติศาสตร์แฟชั่น 5,000 ปีจากยุคอียิปต์จนถึงปัจจุบันแฟชั่นเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

1.jpeg&w=2048&q=100)



