Vogue Thailand

BMW X3 xDrive20d xLine ความสมบูรณ์แบบที่ลงตัว ที่พร้อมรับมือในทุกสถานการณ์

เวลาเป็นสิ่งที่เดินเร็วที่สุดเสมอ ผมยังจำได้ถึงครั้งที่ BMW ตัดสินใจสร้าง SUV คันแรกของพวกเขาอย่าง X5 มาขายในปี 1999 นั่นคือช่วงที่ผมเรียนจบมัธยมปลายที่อเมริกามาใหม่ๆ และยังไม่ประสีประสาเรื่องรถ เมื่อ X5 เปิดตัวออกมาก็มีคนตั้งข้อกังขาว่า BMW ไม่ควรขายรถแบบนั้น เพราะมันขัดกับธรรมเนียมการสร้างรถสปอร์ตซาลูนของทางค่าย และ SUV ก็ไม่ใช่รถประเภทที่ให้สมรรถนะการขับขี่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม X5 รุ่นแรกสร้างยอดขายได้เป็นจำนวนมาก แต่ด้วยราคาที่สูงทำให้มีกลุ่มลูกค้าเรียกร้องให้ BMW สร้างรถที่เหมือน X5 แต่มีราคาเป็นมิตรต่อกระเป๋ามากกว่า นั่นคือที่มาของ X3 ซึ่งตามออกมาในปี 2003

โดย พันธุ์สวัสดิ์ ไพฑูรย์พงษ์
09 มีนาคม 2561

     เวลาเป็นสิ่งที่เดินเร็วที่สุดเสมอ ผมยังจำได้ถึงครั้งที่ BMW ตัดสินใจสร้าง SUV คันแรกของพวกเขาอย่าง X5 มาขายในปี 1999 นั่นคือช่วงที่ผมเรียนจบมัธยมปลายที่อเมริกามาใหม่ๆ และยังไม่ประสีประสาเรื่องรถ เมื่อ X5 เปิดตัวออกมาก็มีคนตั้งข้อกังขาว่า BMW ไม่ควรขายรถแบบนั้น เพราะมันขัดกับธรรมเนียมการสร้างรถสปอร์ตซาลูนของทางค่าย และ SUV ก็ไม่ใช่รถประเภทที่ให้สมรรถนะการขับขี่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม X5 รุ่นแรกสร้างยอดขายได้เป็นจำนวนมาก แต่ด้วยราคาที่สูงทำให้มีกลุ่มลูกค้าเรียกร้องให้ BMW สร้างรถที่เหมือน X5 แต่มีราคาเป็นมิตรต่อกระเป๋ามากกว่า นั่นคือที่มาของ X3 ซึ่งตามออกมาในปี 2003

     แม้ว่าจะสร้างยอดขายทั่วโลกได้มากกว่าครึ่งล้านคัน แต่ดีไซน์ของมันก็ยังดูไม่ลงตัวนักเมื่อเทียบกับความหล่อเหลาสะอาดสะอ้านของ X5 ดังนั้นในปี 2011 ทาง BMW จึงเปิดตัวเจเนอเรชั่นที่ 2 ของ X3 ซึ่งมีเส้นสายต่างๆ ดูลงตัวกว่าเดิม แถมยังขยับขยายขนาดของตัวรถจนใกล้เคียงกับ X5 โฉมแรก ทำให้ X3 รุ่นนี้ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นกว่าเดิม เพราะลูกค้าวัยรุ่นจะซื้อไปขับก็ดูไม่แก่ ในขณะที่ลูกค้ากลุ่มวัยกลางคนที่มีครอบครัวแล้วพอมาขับ X3 กลับดูเป็นวัยรุ่นได้เหมือนกัน

     ต่อมา ในเดือนพฤศจิกายนปลายปีที่แล้ว BMW ประเทศไทยจึงได้ฤกษ์นำเข้า BMW X3 มาขายในบ้านเราอย่างเป็นทางการโดยตั้งราคาเริ่มต้นพร้อม BSI Standard เอาไว้ที่ 3,699,000 บาท ชูจุดเด่นที่อุปกรณ์อย่างหลังคา Panoramic Glass roof, หน้าปัดแบบจอสี 12.3 นิ้ว TFT คล้ายกับของซีรีส์ 7 เช่นเดียวกันกับกุญแจ BMW Display Key ซึ่งช่วยให้เจ้าของรถสามารถสำรวจสถานะของรถตัวเองและควบคุมบางฟังก์ชั่นจากระยะไกลได้ และยังมีจอกลางขนาด 10.25 นิ้ว ซึ่งขยายขนาดโตกว่าเดิม สามารถแบ่งการแสดงผลแบบ Split-screen และรับคำสั่งด้วยการขยับมือไม้ในท่าต่างๆ (Gesture Control) ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้ใช้ครั้งแรกในซีรีส์ 7 เรือธงของค่าย

     เพื่อให้สื่อมวลชนได้ทดลองประสิทธิภาพของรถกันอย่างเต็มที่ ในเดือนกุมภาพันธ์ จึงได้มีการเชิญพวกเราไปทดสอบ X3 ตัวใหม่กัน แต่คราวนี้มาแปลก เพราะไม่ใช่การขับไปเที่ยวชายทะเลถ่ายรูปกับต้นมะพร้าวเล่น ตามเอกสารเชิญที่ส่งมานั้น ทาง BMW เขาใช้ชื่อกิจกรรมว่า ‘Mission to Mars’ ซึ่งก็ทำให้ผมงงไปหลายวัน ยิ่งพอเห็นสื่อมวลชนท่านอื่นไปทดสอบและถ่ายรูปพร้อมพิมพ์คำอธิบายว่าไปดาวอังคารมา ผมเลยยิ่งอยากรู้ว่าเขาให้เราไปขับที่ไหนกัน

     ปรากฏว่าอันที่จริง ดาวอังคารของเขา ไม่ได้มีอะไรมากกว่าเหมืองคอนกรีตขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในสระบุรี แต่ส่วนที่สนุกสุดๆ คือทีมผู้จัดเขาปิดเหมืองบางส่วนลงเพื่อให้เราได้สนุกกับการขับ X3 และทดลองการใช้งานระบบ xDrive บนสภาพถนนที่เป็นกรวดหินทราย แถมยางที่ติดรถแต่ละคันมานั้น ยังเป็นยางสเปกสำหรับใส่วิ่งบนถนนเรียบอีกต่างหาก เราเริ่มต้นทริปกันจากสำนักงานใหญ่ BMW ที่ถนนวิทยุก่อน โดยผมจับคู่กับคุณอติชาญ จาก bimmer-th.com

     เราวิ่งผ่านถนนวิทยุ ตัดเข้าพระราม 4 แล้ววกขึ้นทางด่วนโดยมีปลายทางอยู่ที่เชียงราก เนื่องจากคุณอติชาญกับผมต่างผลัดเวรกันเข้าห้องน้ำเป็นว่าเล่น ทำให้ต้องออกรถหลังชาวบ้านชาวช่องเขาทั้งกลุ่ม ผมรับเป็นมือขับขาแรก วิ่งทำเวลาอย่างด่วนจากในตัวเมืองเพื่อไปถึงอยุธยาให้ทันการฟังบรรยายผลิตภัณฑ์ เครื่องยนต์ดีเซลของ X3 แม้จะมีความจุแค่ 2.0 ลิตร แต่ก็ให้พลังมากถึง 190 แรงม้า แถมยังมากับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะที่ทำงานได้อย่างไร้ที่ติ การเร่งแซงในบางจังหวะ ผมแค่จุ่มคันเร่งครึ่งเดียว ก็สามารถแซงรถช้าวิ่งแช่บนเลนขวาได้ทีละ 2 คัน มันมีพละกำลังเป็นช่วงกว้าง แถมยังลากรอบไปแตะ 4,000 ได้ลื่นๆ ที่สำคัญคือแม้จะขยี้คันเร่งอย่างไร เครื่องยนต์ B47 นี้ยังคงมีความราบเรียบในการทำงานชนิดที่ถ้าเอาใครมาใส่ที่อุดหูแล้วให้นั่งจับความสะเทือน อาจจะหลงนึกว่าเป็นเครื่องเบนซินเลยก็ได้

     ช่วงล่างของรุ่น xLine ที่เราขับ ถูกปรับจูนมาสำหรับการขับขี่แบบปกติกับถนนขรุขระของเมืองไทย ดังนั้นถ้าคุณสาดโค้งเร็วหรือหักพวงมาลัยแรงมากๆ ก็อย่าแปลกใจถ้าตัวรถจะแสดงอาการยวบยาบมากกว่าที่คุณคิดไว้บ้าง ถ้าหากเอาไปให้วัยรุ่นขับ เขาอาจจะอยากรอ BMW เอารุ่น M Sport ช่วงล่างแข็งๆ หนึบๆ เข้ามามากกว่า แต่สำหรับผู้ใหญ่อายุ 45 ปีขึ้นไปโดยเฉพาะผู้ที่มีครอบครัวแล้ว น่าจะชอบความนุ่มสบายที่ช่วงล่างแบบมาตรฐานมอบให้

     เราแวะรับประทานอาหารกันที่อยุธยาแล้วขับต่อไปยังเหมืองคอนกรีตในสระบุรี ที่ซึ่งมีสภาพคล้ายภูเขาดาวอังคารตามที่ทีมงานเคยบอก เราได้มีโอกาสทดลองระบบ Auto Hold ในการขึ้นเนินชัน ซึ่งระบบเบรกจะรั้งรถไว้ไม่ให้ถอยหลังลงเนินเอง ส่วนขาลงเนิน ก็ใช้ระบบ Hill Descent Control ซึ่งเพียงแค่กดปุ่มที่บริเวณคันเกียร์ แล้วปล่อยเบรก ปล่อยคันเร่ง ให้สมาธิไปอยู่ที่การควบคุมพวงมาลัย รถจะคำนวณความเร็วและกะแรงเบรกให้ไหลลงเนินได้อย่างนุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีการให้ลองไต่เนินสลับและเนินเอียง ซึ่ง Stage แบบนี้ส่วนมากจะเอาไว้ให้รถกระบะใต้ท้องสูงหรือรถขับเคลื่อน 4 ล้อเขาลองกัน นี่ก็พิสูจน์ว่า X3 xDrive นั้น แม้จะไม่ได้จัดเป็นรถออฟโร้ดขนานแท้ แต่ถ้าเจ้าของรถมีไร่อยู่ตามป่าเขา X3 ก็สามารถพาคุณไปถึงจุดหมายได้โดยไม่ต้องลำบากรถชาวบ้านมาช่วยลาก

     นอกจากการขับแบบออฟโร้ดแล้ว ทางทีมงานผู้จัดยังเหลือเวลามากพอให้เราเอา X3 ไปขับบนทางฝุ่นแบบกึ่งผาดโผน และลองเปิด/ปิดระบบช่วยการยึดเกาะและระบบรักษาการทรงตัว สาดกันเต็มๆ เคาน์เตอร์สเตียร์กันกระจายจนฝุ่นคลุ้งไปทั่วบริเวณ...มันไม่ใช่ว่าเจ้าของ BMW X3 จะเอารถมาขับแบบนี้กันบ่อยๆ หรอกครับ แต่มันคือความซนของทั้งตัวรถและทีมงานที่อยากลองทำอะไรแผลงๆ เล่น แต่ในความแผลงนี้ก็เรียกรอยยิ้มบนความสะใจจากสื่อมวลชนทุกคนที่ได้ลอง

     ผมเชื่อว่าหลายท่านที่มีโอกาสซื้อรถอย่าง X3 แม้ว่าจะอายุเริ่มมากหรือมีครอบครัวกันแล้ว แต่คุณวิ่งหนีความซนในหัวใจคุณไม่พ้นหรอกครับ และถ้าคุณกำลังมองหารถ SUV ขนาดตัวกำลังดีสักคันที่มีพละกำลังสูง ช่วงล่างนุ่มนวล มีเนื้อที่บรรทุกสัมภาระเยอะ และสามารถลุยไปตามป่าเขาได้ (และแอบเล่นซนแบบพวกผมได้เมื่อโอกาสอำนวย) X3 xDrive20d น่าจะเป็นรถที่ตอบโจทย์คุณได้ดีคันหนึ่งเลยทีเดียว