Vogue Thailand

Gosha Rubchinskiy ดีไซเนอร์ชาวรัสเซียผู้ปฏิวัติวงการสตรีต

เสื้อกีฬาตัวโคร่ง กางเกมวอร์มแถบขาวสามแถบ กางเกงเอวสูง เสื้อสเว็ตเตอร์ บอมเบอร์แจ๊กเก็ตโอเวอร์ไซซ์ ที่กล่าวมาทั้งหมดเรียกได้ว่าเป็นคีย์ลุค ที่ไม่ว่าคุณจะหยิบชิ้นใดชิ้นหนึ่งมาสวมใส่บนร่างกาย ลุคของคุณก็จะกลายเป็นสตรีตลุคในทันที และเขาคนนี้เองที่ทำให้ทุกสิ่งนั้นกลับมา

โดย เอกชัย สุทธิยั่งยืน
09 เมษายน 2562

     เสื้อกีฬาตัวโคร่ง กางเกมวอร์มแถบขาวสามแถบ กางเกงเอวสูง เสื้อสเว็ตเตอร์ บอมเบอร์แจ๊กเก็ตโอเวอร์ไซซ์ ที่กล่าวมาทั้งหมดเรียกได้ว่าเป็นคีย์ลุค ที่ไม่ว่าคุณจะหยิบชิ้นใดชิ้นหนึ่งมาสวมใส่บนร่างกาย ลุคของคุณก็จะกลายเป็นสตรีตลุคในทันที และเขาคนนี้เองที่ทำให้ทุกสิ่งนั้นกลับมา

     ในปี 2015 ช่วงปารีสแฟชั่นวีก นักออกแบบเสื้อผ้าแนวสตรีตชื่อดังจากประเทศรัสเซียนาม โกชา รุบชินสกี (Gosha Rubchinskiy) ได้จัดแสดงเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นแรก ที่นับว่าเป็นการปฏิวัติวงการแฟชั่นและถือว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมากกับวงการสตรีตสไตล์ทั่วโลก

     ย้อนกลับไปในช่วงปี 1990 หลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย วัฒนธรรมต่างๆ ก็ได้หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะจากทางฝั่งอังกฤษ ยุโรป หรืออเมริกาเองก็ตาม ประกอบกับประเทศรัสเซียเองถ้าพูดกันแบบตามตรงก็นับว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการผลิตของเลียนแบบมากที่สุด จนเกิดเป็น Counterfeit Culture จึงไม่น่าจะใช่เรื่องแปลก ที่ของเหล่านี้จะออกมาวางขายปะปนอยู่ตามท้องตลาด โดยเฉพาะกับตลาดเสื้อผ้ามือสอง ซึ่งเขาเองก็นับว่าเป็นหนึ่งในผลผลิตของการหล่อหลอมจากวัฒนธรรมเหล่านั้น

     ดังนั้นคำถามที่คนในวงการแฟชั่นตั้งมาว่า เขาเองก็ไม่เห็นจะผลิตอะไรออกมาใหม่ จึงถูกตอบด้วยการที่เขาหยิบวัฒนธรรมเหล่านั้นมาปัดฝุ่นที่คลุ้งไปด้วยความ Nostalgia จากวัฒนธรรมเด็กหนุ่มสาวในช่วงเวลานั้น ตั้งแต่การรวมกลุ่มเล่นสเกตบอร์ดไปจนถึงการออกท่องราตรีแบบวัฒนธรรมเรฟ (Rave) ที่ได้รับอิทธิพลอย่างหนักจากประเทศอังกฤษ มาช่วยเติมไฟให้แก่วงการสตรีตแวร์ให้ลุกโชติช่วงเข้าไปอีกขั้น จากแบรนด์ที่ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกันอย่าง Vetements, Fear of God หรือรุ่นเก๋าอย่าง Supreme, Kith, Undercover และอีกมากมาย

     โดยเสื้อผ้าของเขาทุกชิ้นล้วนสร้างขึ้นมาจากความเป็น Sportswear และ Skatewear ที่เป็นหัวใจหลักของความเป็นสตรีต ด้วยเสื้อผ้าธรรมดาตามท้องถนนประกอบเข้ากับกลิ่นอายของชุดกีฬา ไม่ว่าจะเป็นสเว็ตเตอร์ฮู้ด กางเกงวอร์ม หรือแจ๊กเก็ตบุนวมกันลม และด้วยอานิสงส์นี้เองที่ทำให้เขาช่วยชุบชีวิตเหล่าแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาที่ครั้งหนึ่งทุกคนต่างเบ้ปากใส่อย่าง Kappa หรือแบรนด์อื่นๆ ซึ่งเขาเองเป็นต้นเพลิงชั้นดีที่จุดประกายเทรนด์การแต่งตัวแนวสตรีตให้ชายหนุ่มทั่วโลก ตั้งแต่ศิลปินระดับแถวหน้า เหล่าคนดัง คนสายแฟชั่นที่เดินตามท้องถนนช่วงแฟชั่นวีก ณ หัวเมืองแฟชั่นต่างๆ หรือแม้กระทั่งเด็กสยามในบ้านเรา ที่ล้วนแต่ได้รับอิทธิพลมาจากการหยิบของเก่ามาปัดฝุ่นใหม่ของเขาทั้งนั้น นี่ยังไม่นับรวมกับเหล่าซับ - คัลเจอร์ที่ซ่อนอยู่ภายใต้กรอบของสตรีตแวร์ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าฮิปสเตอร์ เด็กอาร์ต หรืออะไรก็ตามแต่ ที่เป้าหมายของพวกเขาคือการหลีกหนีจากความแมส

     ด้วยสไตล์ของแบรนด์โกชาคือภาพลักษณ์ของกลุ่มวัยรุ่นในแถบยุโรปตะวันออก และประเทศรัสเซียในช่วงทศวรรษที่ 1990’s ซึ่งดีเอ็นเอของเด็กหนุ่มสาวในวัยนี้คือความขบถที่คาบเกี่ยวกับความเป็นพังก์ เป็นอีโม และความขบถนั้นเองที่สะท้อนออกมาผ่านการออกแบบที่ตรงข้ามกับสิ่งสวยงามเลิศหรูอย่างที่อุตสาหกรรมแฟชั่นบอก การใช้เนื้อผ้าราคาถูก แต่ขายราคาแพง หรือแม้แต่เป็นการตัดเย็บอย่างหยาบๆ ที่จงใจ ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกใช้เป็นวิธีในการแสดงออกเพื่อตั้งคำถามแบบกวนๆ ของเขา ที่เขาเองยังเคยกล่าวว่า เสื้อผ้าของเขาคือสิ่งที่บรรจุเรื่องราวทางการเมืองที่ถูกนำมาถ่ายทอดด้วยกลิ่นอายของความเป็นพังก์แฟชั่น

     ด้วยเหตุนี้เขาจึงเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างความหลงใหลในแฟชั่นแบบคลาสสิก ที่มีความคิดว่าการลงทุนซื้อรองเท้าหนังดีๆ สักคู่ แล้วคุณจะไม่ต้องซื้อรองเท้าคู่ไหนอีกต่อไป แต่นั่นก็นำพามาซึ่งความ ‘น่าเบื่อ’ และสิ่งที่จะช่วยแก้ได้ก็คือความสดใสใหม่ๆ ที่เหล่าคนแฟชั่นโหยหา กับคนเสพแฟชั่นทางบ้านที่อยากจะวิ่งตามให้ทัน ซึ่งโกชาคือทุกสิ่งทุกอย่างที่คนในวงการแฟชั่น ไม่ว่าจะไฮ-เอนด์แบรนด์ หรือแบรนด์เล็กๆ ต่างต้องการนั่นก็คือ ‘ความสดใหม่’

     แต่แน่นอนว่าทุกสิ่งบนโลกนี้ไม่มีอะไรที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนแบบชัวร์ๆ ต่อให้เป็นวงการที่ใช้ความสร้างสรรค์เป็นแรงขับดันอย่างวงการศิลปะหรือวงการเพลงก็ตาม เสื้อผ้าของเขาจึงออกมาในรูปแบบที่คุ้นหน้าคุ้นตาเหมือนกับที่เคยอยู่บนจุดสูงสุดของวงจรแฟชั่น ก่อนจะตกไปอยู่นอกวงโคจรเพราะความ ‘เชย’ แต่เขาคือผู้ที่นั่งอยู่เหนือวงโคจรและเห็นการเป็นไป เมื่อได้โอกาสเขาจึงหยิบสิ่งที่ ‘เชย’ มาปัดฝุ่นใหม่ และทำให้กลายเป็นสิ่งที่ ‘อิน’ กันแบบชั่วข้ามคืน ไม่ว่าจะกางเกงวอร์มสามแถบอดิดาส เสื้อกั๊กคุณลุงตกปลา เสื้อยืดตัวโคร่ง หรือการร่วมงานกับเบอร์เบอร์รี (Burberry) ในคอลเล็กชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2018 ด้วยแรงบันดาลใจจากการหยิบเอาลายตารางสุดคลาสสิกที่ครั้งหนึ่งนับว่าเป็นของ ‘แก๊งเด็กแว้น’ ในลอนดอน ที่ไม่มีอะไรใหม่เลย แต่มันเป็นสิ่งที่เขาหยิบกลับมาป้อนในวงจรแฟชั่นอย่างถูกที่ ถูกจังหวะ และถูกเวลาพอดี จนทำให้สิ่งที่เขาทำไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่มันคือการพูดถึงรากแท้ของชาวสตรีตที่ทุกเจเนอเรชั่นต่างรู้ดี โดยเฉพาะในยุคนี้ที่สตรีตกับรันเวย์บรรจบมาใกล้กันจนแทบจะหลอมรวมเป็นโลกเดียวกัน หลังจากเป็นจักรวาลคู่ขนานมาเสียนาน