Vogue Thailand

What’s Going On งานเพลงต่อต้านสงครามที่ดีที่สุดของมาร์วิน เกย์

21 พฤษภาคม 1971 คือวันที่อัลบั้ม What’s Going On ของมาร์วิน เกย์ ออกจำหน่าย

โดย ณัฐวุฒิ แสงชูวงษ์
21 พฤษภาคม 2561

     21 พฤษภาคม 1971 คือวันที่อัลบั้ม What’s Going On ของมาร์วิน เกย์ ออกจำหน่ายเมื่อ 47 ปีก่อน นี่คืออัลบั้มมาสเตอร์พีซที่ทำให้ชื่อของมาร์วิน เกย์ เป็นที่จดจำในฐานะราชาเพลงโซล และเป็นงานเพลงที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ดีที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์วงการดนตรี

 

     อัลบั้ม What’s Going On มีความยาวทั้งสิ้นเพียง 35.38 นาที กับจำนวนเพลงแค่ 9 เพลง หนึ่งในนั้นสั้นแค่ 1.41 นาที (เพลง “God Is Love”) และหนึ่งในนั้นยาวถึง 7.31 นาที (เพลง “Right On”) โดยคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มนี้ถูกออกแบบไว้ให้มีความต่อเนื่องกัน มีความลื่นไหล ไม่สะดุด แม้กระทั่งตอนจบของอัลบั้มก็มีการย้อน (reprise) ธีมเปิดอัลบั้มไว้เพื่อให้วนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นได้ (ภาษาดนตรีเรียกว่า Song Cycle ที่ทั้งอัลบั้มเหมือนวนต่อเนื่องกัน)

     นี่คือสตูดิโออัลบั้มที่ 11 ของมาร์วิน เกย์ ศิลปินของ Motown แต่เป็นอัลบั้มแรกของเขาที่ได้เครดิตในฐานะโปรดิวเซอร์ พร้อมทั้งร่วมแต่งเพลงทั้งอัลบั้ม ซึ่งนอกเหนือจากลีลาในการทำเพลงโซลได้แปลกใหม่เหนือชั้นแล้ว เนื้อหาของเพลงทั้งอัลบั้มยังพูดถึงทหารผ่านศึกจากสงครามเวียดนามที่เดินทางกลับมาสู่ประเทศบ้านเกิดอย่างอเมริกา ซึ่งกลั่นกรองจากประสบการณ์จริงจากพี่ชายแท้ๆ ของเขาที่เป็นทหารผ่านศึก และสิ่งที่พวกเขาได้เห็นก็ล้วนแต่เป็นความเกลียดชัง ความเจ็บปวด และความอยุติธรรม นอกจากนั้นยังมีการพูดถึงยาเสพติด ความยากไร้ ไปจนถึงภาวะโลกร้อน (อย่าลืมว่าตอนนั้นคือปี 1971 มาร์วิน เกย์น่าจะเป็นศิลปินคนแรกๆ ที่เริ่มพูดเรื่องนี้ในบทเพลง)

     ที่มาของอัลบั้ม What’s Going On เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่เรนัลโด โอบี เบนสัน หนึ่งในสมาชิกของวง Four Tops เป็นพยานผู้เห็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำร้ายกลุ่มคนที่มาประท้วงต่อต้านสงครามที่สวนสาธารณะใน Berkeley เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 1969 (ที่ต่อมาเรียกเหตุการณ์นั้นว่า Bloody Thursday) จากนั้นเบนสันได้เล่าให้นักเขียน เบน เอ็ดมอนส์ ฟังว่า “ผมเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ‘what was going on, what is happening here?’” จนนักแต่งเพลงของโมทาวน์ อัล คลีฟแลนด์ ได้แต่งเพลงขึ้นจากบทสนทนานั้น จากนั้นเบนสันก็ได้ส่งเพลงที่ยังแต่งไม่เสร็จนี้ไปให้วงโฟร์ท็อปส์ของเขาได้ฟัง เพื่อต้องการนำมาร้องเอง แต่เขากลับถูกสมาชิกคนอื่นๆ ในวงปฏิเสธ “พวกเขาบอกว่ามันเป็นเพลงประท้วงและไม่น่าจะเวิร์กสำหรับเปิดทางวิทยุ ผมบอกว่ามันเป็นเพลงรักนะ มันเกี่ยวกับความรักและความเข้าใจ ไม่ใช่การประท้วง ผมแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

     ท้ายที่สุดเบนสันและคลีฟแลนด์ก็ส่งเพลงนี้ต่อให้มาร์วิน เกย์ ระหว่างที่พบกันตอนเล่นกอล์ฟ จากนั้นทั้งสามก็ช่วยกันปรับแต่งเพลงนี้ใหม่จนกลายเป็นไตเติ้ลแทร็ก “What’s Going On” ซึ่งเกย์เข้ามาปรับเนื้อเพลงที่ได้แรงบันดาลใจจากจดหมายของแฟรงกี้ พี่ชายเขาที่เป็นทหารผ่านศึกจากเวียดนามที่มีบาดแผลในใจ ครั้งหนึ่งเกย์เคยพูดกับพี่ชายหลังจากได้ฟังความในใจอันปวดร้าวจากสงครามเวียดนามว่า “ฉันไม่รู้เรื่องการสู้รบ แต่ตอนนี้ฉันว่าฉันมีวิธีแล้ว ฉันจะทำในแบบของฉัน ฉันไม่ใช่ศิลปินวาดภาพ ไม่ใช่นักกวี แต่ฉันสามารถแต่งเพลงได้” และนั่นกลายเป็นจุดกำเนิดของอัลบั้มสุดคลาสสิกนี้ 

     อัลบั้ม What’s Going On วางจำหน่ายวันที่ 21 พฤษภาคม 1971 ติดอันดับ 6 บนชาร์ต Billboard Top LPs และอยู่ในชาร์ตนานเกือบปี ทำยอดขายได้กว่า 2 ล้านก๊อปปี้และกลายเป็นอัลบั้มของมาร์วิน เกย์ ที่ขายดีที่สุดในตอนนั้น (ก่อนจะถูกลบสถิติด้วย Let’s Get It On ในปี 1973) ขณะที่เพลง “What’s Going On” ขายได้ 2 แสนก๊อปปี้ในสัปดาห์แรก และทำยอดขายรวม 2.5 ล้านก๊อปปี้ในปลายปี รวมทั้งขึ้นถึงอันดับ 2 บนชาร์ต Billboard Hot 100 แต่เหนือสิ่งอื่นใด นี่คืออัลบั้มที่ได้รับการยกย่องว่า “ดีที่สุดตลอดกาล” อย่างเป็นเอกฉันท์จากทุกสำนัก (NME, Rolling Stone, The Guardian) ขณะที่ตัวเพลง “What’s Going On” ก็กลายเป็นหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดตลอดกาลเช่นกัน ถึงขั้นได้รับเลือกให้บรรจุไว้ในหอสมุดเพลงแห่งชาติโดยหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน