Vogue Thailand

LIFESTYLE

เปิดเบื้องหลังการสนับสนุนภาพยนตร์ถึง 3 เรื่องของ CHANEL ณ​ เทศกาลหนังเมืองคานส์ 2025

CHANEL ตอกย้ำภาพความเชื่อมโยงระหว่างเมซงกับโลกศิลปะ โดยเฉพาะภาพยนตร์กับการสนับสนุนผลงานของบุคลากรที่มีสัมพันธ์อันดีระหว่างกันมาอย่างต่อเนื่อง

โดย Nattanam Waiyahong
21 พฤษภาคม 2568

     CHANEL กับโลกศิลปะเป็นดั่งคู่สัมพันธ์ที่ดองเกี่ยวกันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโลกภาพยนตร์ที่พัฒนาเติบโตขึ้นในช่วงแรกสมัยเดียวกับที่ Gabrielle Chanel กำลังรุ่งโรจน์ขึ้นมาช่วงปลายยุค 1920s ถึง 1930s เช่นเดียวกัน ริเริ่มตั้งแต่การถูกเชื้อเชิญจาก Samuel Goldwyn ให้เดินทางข้ามทวีปสู่สหรัฐอเมริกาเพื่อมีส่วนร่วมในแวดวงฮอลลีวู้ดเป็นครั้งแรก กับการแต่งกายให้กับ Gloria Swanson และนักแสดงหญิงคนอื่นๆ และจุดนั้นก็ทำให้ดีไซเนอร์หญิงผู้สนับสนุนพลังหญิงเต็มรูปแบบเข้าใจว่าจะใช้ภาพยนตร์สื่อสารกับผู้หญิงทุกคนได้อย่างไร หลังจากนั้นก็ได้เป็นเพื่อนสนิทกับผู้กำกับระดับแถวหน้ามากมาย และมีส่วนในการรังสรรค์ผลงานแฟชั่นสำหรับนักแสดงหญิงชั้นนำด้วยเช่นกัน
 

     ตามประวัติศาสตร์ของชาเนลนอกจากแกเบรียลแล้ว ดีไซเนอร์หัวเรือใหญ่อย่าง Karl Lagerfeld ก็รายล้อมด้วยเหล่านักแสดงมากฝีมือที่สวมใส่ผลงานแฟชั่นของเขาในภาพยนตร์ ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยของ Penélope Cruz, Tilda Swinton, Kristen Stewart และอีกมากมาย จนถึงปัจจุบันก็มีนักแสดงมากมายที่ร่วมงานกับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีผลงานการรังสรรค์ของเมซงสำหรับภาพยนตร์ของผู้กำกับจำนวนไม่น้อย อาทิเช่น Greta Gerwig และ Sofia Coppola เป็นต้น นำมาสู่การสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์และบุคลากรที่เกี่ยวข้องเสมอมา ไม่ว่าจะด้านคอสตูม โปรดักชั่น หรือจะเป็นการช่วยเหลือในช่วงปล่อยผลงาน ในเทศกาลหนังเมืองคานส์ครั้งที่ 78 ประจำปี 2025 ชาเนลก็มีส่วนในการสนับสนุนภาพยนตร์ถึง 3 เรื่องกับผลงานของเหล่าผู้มีความสัมพันธ์อันดีกับเมซง

     เริ่มที่ผลงานชิ้นแรกกับ ‘Nouvelle Vague’ โดยผู้กำกับ Richard Linklater ที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามเกี่ยวกับคอนเซ็ปต์ “การสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับการสร้างภาพยนตร์อีกทีหนึ่ง” ซึ่งเป็นการบอกเล่าย้อนอดีตสู่ยุคสมัยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Breathless (1960) ในปี 1959 โดยผู้กำกับ Jean-Luc Godard โดยริชาร์ดตั้งใจรังสรรค์บรรยากาศของภาพยนตร์ให้เก่าย้อนยุคแบบสมจริง โดยมี Zoey Deutch เฟรนด์ออฟชาเนลเป็นนักแสดงนำหญิง ชาเนลจึงสนับสนุนด้านโปรดักชั่นอย่างจริงจัง พร้อมรังสรรค์ซิลูเอตเพื่อคอสตูมร่วมกับ Pascaline Chavanne เพื่อสรรสร้างตัวละคร Jean Seberg ที่โซอี้รับบทให้สง่างามที่สุด รวมถึงตัวละคร Juliette Gréco อีกด้วย ความพิเศษคือซิลูเอตชิ้นสำคัญมีต้นแบบจากผลงานโอตกูตูร์คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 1956 ที่กลายเป็นผลงานชิ้นล้ำค่าที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี
 

     นอกจากการแต่งกายสำหรับตัวละครแล้ว ประวัติศาสตร์ของเมซง โดยเฉพาะแกเบรียลยังผูกโยงกับผู้กำกับฌอง-ลุค และนักแสดงต้นเรื่องอย่างฌอง เซแบร์ก (ตัวจริง) ก้าวกระโดดมาถึงปัจจุบันการย้อนอดีตสู่เรื่องราวอันสอดคล้องกับเมซงและดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์ รวมถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ โปรเจกต์นี้จึงเป็นโปรเจกต์สำคัญที่ชาเนลพร้อมสนับสนุน ทั้งยังมีบุคลากรที่ร่วมงานกับเมซงมาอย่างต่อเนื่อง ‘Nouvelle Vague’ จึงไม่ใช่เพียงภาพยนตร์ย้อนยุคและบอกเล่าเรื่องราวการสร้างภาพยนตร์ในอดีต แต่เป็นหมุดบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่เชื่อมสัมพันธ์กับชาเนลอย่างชัดเจน

     ผลงานต่อมาเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องแรกของ Ugo Bienvenue ที่ใช้ชื่อว่า ‘Arco’ ภายใต้สตูดิโอ The Studio Remembers (ร่วมกับ Félix de Givry) โดยสตูดิโอดังกล่าวคือผู้อยู่เบื้องหลังวิดีโอทีเซอร์ของโชว์คอลเล็กชั่น Métiers d’Art 2021/2022le19M และโชว์รอบที่ 2 ณ เมืองฟลอเรนซ์ นอกจากนี้ยังเคยรังสรรค์แคมเปญ Coco Neige เมื่อปี 2022 รวมถึงงานศิลปะเชิงจิตรกรรมสำหรับการใช้งานรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคมเปญโฆษณา ความสัมพันธ์อันดีระหว่างสตูดิโอและชาเนล ทำให้แบรนด์ก้าวเข้ามาสนับสนุนเรื่องโปรดักชั่นสำหรับผลงานแอนิเมชั่นที่จะเข้าฉายรอบปฐมทัศน์ ณ เทศกาลหนังเมืองคานส์ปีนี้

     ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการจินตนาการบอกเล่าชีวิตที่มีระยะห่างและสงบสุขในช่วงปี 2932 หรืออีกเกือบศตวรรษต่อจากนี้ ก่อนจะพลิกปมความเข้มข้นด้วยการเดินทางย้อนเวลาสู่ปี 2075 ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของความย่ำแย่ของสังคมที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ เส้นเรื่องที่จะพาตัวละครหลักกลับสู่โลกปัจจุบัน (ในภาพยนตร์) ด้วยความพยายามของเด็กผู้หญิงที่พร้อมให้การช่วยเหลือสร้างมิติความสัมพันธ์ของตัวละคร ถ่ายทอดความสุข ความรัก และมนุษยธรรมที่หาได้ยากเสียเหลือเกิน ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวถูกบอกเล่าผ่านแอนิเมชั่นรูปแบบ 2 มิติ เทคนิคสำคัญอันเป็นที่นิยมของผู้กำกับชาวฝรั่งเศส โดยผลงานแอนิเมชั่นทั้งหมดเกิดจากการวาดมือและต่อยอดด้วยการร้อยเรียงด้วยโปรแกรม สะท้อนภาพความเชื่อมโยงระหว่งงงานฝีมือและเทคโนโลยี เปรียบเปรยได้กับชาเนลที่เดินทางตามยุคสมัย พัฒนาก้าวหน้าไปพร้อมกับรักษามรดกทางวัฒนธรรมดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมี Alma Jodorowsky เฟรนด์ออฟชาเนลร่วมให้เสียงอีกด้วย ‘Arco’ ถือเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องแรกที่ได้รับการสนับสนุนจากเมซง มุ่งเน้นการเปิดโลกความสร้างสรรค์ในการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพยนตร์อย่างแท้จริง

     ปิดท้ายด้วย ‘The Chronology of Water’ ผลงานการกำกับเรื่องแรกของ คริสเทน สจ๊วต ที่หยิบยกบทบันทึกของ Lidia Yuknavitch ภายใต้ชื่อเดียวกันมารังสรรค์ใหม่ในรูปแบบภาพยนตร์ ซึ่งถ่ายทอดเนื้อหาอันเข้มข้นระหว่างช่วงการเจริญเติบโตสู่วัยผู้ใหญ่ที่ต้องเผชิญกับชะตาชีวิตที่โหดร้าย ไม่ว่าจะเป็นความโดดเดี่ยว สภาพแวดล้อมทางครอบครัวระหว่างแม่ผู้ติดสุราและพ่อผู้ละเมิดทางเพศ เรื่อยไปจนถึงปัญหายาเสพติด แต่แล้วทางออกของปัญหาคือกีฬาว่ายน้ำ กีฬาที่พาชะตาชีวิตเปลี่ยนทิศทางสู่การเข้ารั้วมหาวิทยาลัยผ่านการแข่งขันและเข้าเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องวรรณกรรมและการเขียน ถือเป็นบทละครชีวิตที่เปี่ยมด้วยความเข้มข้น ในขณะเดียวกันก็สะท้อนภาพความโหดร้ายของสังคมที่เปรียบเปรยได้ราวกับว่า “ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร”

     คริสเทนเริ่มเบนเข็มจากนักแสดงภาพยนตร์ตลาดทั่วไปสู่ภาพยนตร์ที่เฉพาะกลุ่มมากขึ้นในช่วงหลัง รวมถึงนำเสนอฝีมือการแสดงอันเข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบและนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเวที César Award และ Academy Awards จากเรื่อง ‘Clouds of Sils Maria’ และ ‘Spencer’ ตามลำดับ โดยชาเนลมีส่วนในการสนับสนุนทุนสร้าง พร้อมออกแบบชุดสำหรับบทบาทที่คริสเทนได้รับทั้ง 2 เรื่อง หลังจากนั้นคริสเทนก็เปิดเส้นทางสายผู้กำกับด้วยการกำกับมิวสิกวิดีโอและภาพยนตร์สั้น ก่อนที่ครั้งนี้จะเปิดม่านนำเสนอภาพยนตร์ยาวในฐานะครั้งแรกในชีวิต การร่วมงานของเธอกับชาเนลนานเกินหลักทศวรรษและมุมมองการสรรสร้างงานศิลปะภาพยนตร์ที่น่าสนใจ ชาเนลจึงสนับสนุน ‘The Chronology of Water’ ในเชิงโปรดักชั่น โดยตอกย้ำการให้ความสำคัญกับการผลิตผลงานของเหล่าแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่ปลุกพลังของผู้หญิงผ่านศิลปะ และแน่นอนว่าจากการสนับสนุนดังกล่าวมีส่วนสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์ที่คริสเทนกำกับเรื่องแรกฉายรอบปฐมทัศน์ ​ณ เทศกาลหนังเมืองคานส์ประจำปี 2025 อย่างยิ่งใหญ่


(สามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับชาเนลและโลกศิลปะได้กับบทความ VOGUE SCOOP | ย้อนปณิธานของ ‘Chanel’ ผู้ผนวกศิลปะและแฟชั่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมายาวนานกว่าศตวรรษ)