Vogue Thailand

LIFESTYLE

Vogue Living | เปิดบ้านของ Paloma Elsesser ซูเปอร์โมเดลผู้รักในการสะสมและการเดินทาง!

ซูเปอร์โมเดล Paloma Elsesser เดินทางทั่วโลกเป็นประจำ เวลาได้อยู่บ้านทาวน์เฮาส์ส่วนตัวในบรุกลินที่ตกแต่งโดย Gregory Rockwell Interiors จึงถือเป็นการพักร้อนที่แท้จริง

โดย Vogue Thailand
23 พฤษภาคม 2568

ช่างภาพ: Frank Frances 

แต่งหน้า: Miguel Ramos

ทำผม: Sonny Molina @ Streeters

แฟชั่นสไตลิสต์: Aly Cooper

สไตลิสต์: Michael Reynolds

เรื่อง: Hannah Martin

แปลและเรียบเรียง: วิริยา สังขนิยม

 

     "เวลาต้องเดินทางเยอะๆ พอได้อยู่บ้านก็รู้สึกเหมือนได้พักร้อน" พาโลมา เอลเซสเซอร์ ซูเปอร์โมเดลผู้ออกตัวสนับสนุนความ มั่นใจในรูปร่าง เปิดใจที่บ้านในบรุกลิน เธอนั่งอยู่ที่ส่วนรับประทานอาหารของบ้าน โต๊ะรับประทานอาหารออกแบบโดยเอตตอเร ซอตซาส ผนังด้านหลังแขวนภาพเขียนฝีมือเทย์เลอร์ ซิมมอนส์ วันนี้เธอมีคิวถ่ายมาค่อนวัน และอีกชั่วโมงเดี๋ยวก็ต้องไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องไปลอสแอนเจลิสแต่เธอยังคงสดชื่นแจ่มใสยามพูดถึงบ้านที่เพิ่งแต่งเสร็จ "เวลาตัดเสียงรบกวนจากงานออกไปหมด อยากให้มีอะไรอยู่รอบตัวบ้างเหรอ...สำหรับฉันต้องเป็นสีสัน ความสนุกเบาสมอง แล้วก็สิ่งที่ฉันรัก"

     เธอพบว่าบ้านคือยารักษาสิ่งที่มากับชีวิตเร่งรีบในแสงสปอตไลต์ได้ดี พาโลมาถูกค้นพบผ่านอินสตาแกรมเมื่อปี 2015 หลังจากเมกอัปอาร์ทิสต์แพต แม็กกราท ไปสะดุดตาเธอเข้า สองปีต่อมาเธอได้แจ้งเกิดแบบปังๆ ด้วยการเปลือยร่างขึ้นบิลบอร์ดให้แบรนด์ Glossier นับเป็นจังหวะเหมาะที่เธอเข้าวงการในช่วงที่อุดมคติด้านรูปร่างเริ่มเปลี่ยนพอดี และเธอก็พุ่งแรง ขึ้นแท่นอิตเกิร์ล ได้งานเดินแบบให้แบรนด์ดังอย่าง Fendi, Balenciaga, Ferragamo และ Victoria's Secret รวมทั้งได้ขึ้นปกโว้ก แต่หนึ่งในเป้าหมายใหญ่ในชีวิตเธอก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนเข้าใจได้ นั่นคือการมีบ้านเป็นของตัวเอง

 

 

     พาโลมาเติบโตที่บ้านย่านมิดซิตีลอสแอนเจลิส ซึ่งมีคนหลายรุ่นอยู่รวมกัน แม่ของเธอเป็นคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ส่วนพ่อเป็นลูกครึ่งชิลี-สวิส เธอเล่าว่า "ตากับยายอยู่ชั้นล่าง ส่วนพวกเราอยู่ชั้นบน ฉันโตมาในบ้านที่แม่ฉันอยู่มาตั้งแต่เล็กจนโต" บ้านนั้นมีชีวิตชีวา บางครั้งก็ชุลมุนวุ่นวาย แต่ก็เป็นที่ปลอดภัยสำหรับเธอ เธอจึงอยากสร้างบ้านของตัวเองในแบบคล้ายๆ กัน ให้ญาติมิตรมานอนค้างได้และเป็นบ้านที่มีประวัติศาสตร์ เธอบอกว่า "สำหรับสาวผิวดำเลือดผสมอย่างฉัน การได้อยู่ย่านเก่าของคนผิวดำและผิวสีน้ำตาลมันสำคัญมากๆ เลย"

     ปี 2021 พาโลมาเจอบ้านที่ตรงกับใจเป็นทาวน์เฮาส์ย่านเบด-สไตในบรุกลิน ที่ช่างภาพชื่อดังมาร์ก แบปทิสต์ เจ้าของผลงานระดับไอคอนมากมาย อาทิ ภาพของ Aaliyah, André 3000 และ The Fugees เคยอยู่กับครอบครัวเป็นเวลาหลายปี Sage น้องชายของเธอซึ่งเป็นนักสเกตบอร์ดและนักดนตรีก็อยู่ใกล้ๆ นี่เอง "ฉันเดินเข้ามาก็พบว่าในบ้านจุดกำยานไว้ แล้วก็มีดอกทานตะวันอยู่เต็มไปหมด ฉันไม่ต้องขึ้นไปดูชั้นบนเลย" พาโลมาเล่าเหตุการณ์วันที่มาดูบ้าน "แค่นั่นก็รู้แล้วว่าใช่ ฉันมองเห็นภาพชีวิตตัวเองในบ้านนี้เลยแหละ"

 

Article

     จินตภาพของพาโลมามีความเป็นส่วนตัวอย่างสุดขอบ บางครั้งก็ยั่วยุให้เกิดปฏิกริยา เธอบอกว่า "ฉันต้องการให้คนตั้งคำถาม ต้องการความเปิ่นเทิ่นปล่อยไก่ต้องการให้ใครสักคนออกปากว่า 'อันนั้นมาอย่างไร'" เธอเลือก Gregory Rockwell กับ Hester Hodde แห่ง Gregory Rockwell Interiors ซึ่งเธอรู้จักอยู่แล้วมาช่วยทำให้ภาพในใจกลายเป็นจริง พาโลมาบอกว่า "เรามีวิสัยทัศน์และความอยากรู้อยากเห็นคล้ายๆ กัน และเหนือสิ่งอื่นใดเราทำงานร่วมกันได้จริง" เธอวางใจให้มัณฑนากรคู่หูเป็นผู้แปลสุนทรียะที่ไม่เหมือนใครของเธอออกมาเป็นรูปธรรม พร้อมกับฟื้นคืนชีวิตให้งานสถาปัตยกรรมที่ไม่ถูกแตะต้องมาหลายสิบปี

     "จุดใหญ่เลยคือต้องเชื่อมของเก่ากับของใหม่" เกรกอรี่บอก เขากับเฮนรี บอยล์ ซึ่งเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมภายในช่วยกันปรับการเรียงพื้นที่ใช้สอย และย้ายห้องครัวขึ้นไปชั้น 2 พร้อมตกแต่งทุกห้องให้มีบรรยากาศภูมิฐานเหนือกาลเวลาและอยู่สบาย "เราต้องทำทาวน์เฮาส์ที่ต้องการความรักความเอาใจใส่อย่างมากให้สมัยใหม่และน่าสนใจโดยไม่เสียคาแร็กเตอร์เดิมไป"

     แรงบันดาลใจในการแต่งบ้านมีที่มาจากมิลาน เมืองที่พาโลมาไปทำงานมาหลายครั้ง เธอได้เห็นบ้านที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของที่นั่นหลายหลัง ไม่ว่าจะเป็นบ้านส่วนตัวที่ตกแต่งแบบผสมผสานของฟรานเชสโก ริสโซ่ ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์แบรนด์ Marni หรือ วิลล่า เนกกี กัมปิลิโอที่ออกแบบโดยเปียโร ปอร์ตาลูปิ และเป็นงานสถาปัตยกรรมชินมาตรฐานของสำนัก Rationalism ยุค 1930 พาโลมาบอกว่า "บ้านในมีลานมีความแปลกที่สง่าจับใจมาก" เกรกอรี่กับเฮสเตอร์ช่วยเธอปลูกปั้นบ้านมิลานในแบบของเธอเอง ด้วยการเลือกกลุ่มสีตัวอย่างหิน ของตกแต่ง และผ้ามาแต่งห้องที่คู่ควรกับ Marella Agnelli หรือไม่ก็ Elsa Peretti แต่มีความกล้าเขย่าระบบแบบคริสต์ศตวรรษที่ 21 ผสมอยู่

     การตกแต่งชั้นสองของบ้านได้ผ้าที่หรูวิจิตรและรูปทรงที่งามประณีตเป็นตัวกำหนดแนวทางอาร์มแชร์แบบอังกฤษ พนักวางแขนม้วนเป็นวง หุ้มด้วยผ้ามัดหมี่ชุมบาตังเคียงกับโซฟาสั่งทำพิเศษสไตล์อาร์ตเดโค่หุ้มผ้ากำมะหยี่สีเขียวมะกอกหรูระยับ อีกฟากหนึ่งของห้องตกแต่งด้วยเก้าอียุค 1970 จากแบร์นาร์ บรูนิเยร์หุ้มผ้าวูลลายตาหมากรุกจากปิแอร์ เฟรย์ เกรกอรีบอกว่า "เราอยากให้รู้สึกเหมือนกับว่าเก้าอี้พวกนี้เป็นสมบัติที่ตกทอดมา แล้ว ผ้าจากยุค 1950 ก็เป็นอะไรที่ลงตัวพอดี" ผนังเหนือเก้าอีตัวหนึ่งตกแต่งด้วยงานเทกซ์ไทล์ ฝีมือศิลปินเอริก เอ็น. แม็กที่มาเติมความอบอุนและหนักแน่น พาโลมาบอกว่า "งานชิ้นนี้สวยมากตรงที่มันซื้อเดียวกับคุณยายของศิลปิน"

     ถัดจากพื้นที่อลังการด้วยงานเลเยอร์นี้ไปคือห้องครัวที่ทอประกายแวววาม ผนังห้องทาสี Rainforest Dew จาก Benjamin Moore ซึ่งเป็นเฉดเดียวกับกล่องสีลูกกวาดของร้าน Marchesi ร้านขนมที่ชิกไม่มีใครเกินในมิลาน เคาน์เตอร์กลางทรงลูกบาศก็ทำจากไม้วอลนัตออสเตรเลียและหินสีมรกต เป็นของที่ทำขึ้นใหม่แต่ของเดิมที่มากับบ้านก็ยังมีอยู่ อย่างเช่นคิวบัวแต่งผนังหน้าตาวิจิตร เก้าอี้ที่วางรอบเคาน์เตอร์สามารถเลื่อนเข้าไปเก็บข้างใต้โดยไม่กระทบรูปทรงเรขาคณิตของเคาน์เตอร์ ส่วนอุปกรณ์ในครัวนั้นกรุด้านนอกด้วยอะลมิเนียมวีเนียร์ "เราอยากใส่ความกุ๊กกิ๊กเข้ามา" เฮสเตอร์ชี้ให้ดูแผ่นกันกระเซ็นที่กรุกระเบืองลายทางแปลกตา

 

 

     องค์ประกอบที่เหนือความคาดหมายทำให้ทุกห้องมีความต่างในรายละเอียด ตามฝีมือจับนั่นผสมนี่และความสนใจใคร่รู้ของพาโลมาที่ผ่านการลับคมมาอย่างดี "ฉันเป็นนักสะสม" เธอบอก "ฉันรักดีไซน์แบบมิลาน แต่ก็รักผ้ามัดหมี่ของแอฟริกาเหนือ รูปสลักโดกอน แล้วก็หน้ากากจากมาลีด้วย" เมื่อเร็วๆ นี่เธอไปทำงานที่โมร็อกโก ระหว่างที่อยู่ที่นันก็เดินตลาดจนปรุ ตามหาเสื่อทั่วเร็ก "ฉันไม่ใช่นางแบบประเภทที่พอไปถึงเมืองที่ไม่เคยไปก็สั่งโบโลเนสมากินบนเตียง รอเวลาถ่ายครั้งต่อไป ฉันจะไปเที่ยววิลล่าหรือดีไซน์โชว์รูม หรือไม่ก็พิพิธภัณฑ์"

     "เธอทำงานในวงการแฟชั่นมาหลายปี ได้ฝึกสายตามาเยอะมาก" เฮสเตอร์บอก "เธอมีความช่างเลือกแบบเหลือเชื่อ แล้วก็สื่อให้เข้าใจได้ชัดเจนว่าเธอชอบอะไรและไม่ชอบอะไร" ยกตัวอย่างห้องดูหนังฟังเพลงที่พาโลมาอยากได้โซฟาลายสัตว์มาแต่งแต่ว่าต้องชิก แล้วก็ไม่อยากได้ลายเสือดาว ในที่สุดจึงมาลงเอยที่ลาย Ze'bre Epingle จาก Schumacher ซึ่งเป็นตัวกำหนดโทนการตกแต่งพื้นที่สังสรรค์ของบ้าน ผนังที่กรุด้วยไม้ก็อกและการแต่ง พื้นที่ด้วยโต๊ะค็อกเทลลวดลายแบบจีน กับภาพเขียนฝีมือนาทาลีดู ปาสกิเยร์ชวนให้นึกถึงอะพาร์ตเมนต์ที่ปารีสของ Pierre Berge กับ Yves Saint Laurent แต่ว่าห้องนี้ออกแนวผู้หญิงนิดๆ"

     ไวบ์ของบ้านต่างกันไปในแต่ละห้อง แต่เกรกอรี่บอกว่า "ทุกห้องกลมกลืนกันหมด" ห้องนอนของพาโลมาบนชั้นสองบรรยากาศสงบสบายเหมือนห้องในโรงแรม ติดกันคือห้องน้ำที่ต้องเรียกว่าเพชรยอดมงกุฎของบ้าน และส่งเข้าประกวดได้ทุกเวที การตกแต่งด้วยหินอ่อน กระจกเงา และไม้วอลนัตสอดประสานกลมกลื่นกันเหมือนบทเพลงซิมโฟนี ถัดไปคือห้องแต่งตัวสไตล์มินิมัลลิสม์ที่ตัดกับห้องน้ำอย่างเข้าที ตู้หน้าตาเรียบเนี้ยบในห้องนี้เป็นที่เก็บเสื้อผ้าที่เจ้าของสะสมไว้เป็นคอลเล็กชั่นใหญ่มหึมา "คือความแกลมเพียวร์ๆ เลย" เกรกอรี่บอกพลางชี้ให้ดูพรมปูพื้นที่ได้แรงบันดาลใจจากศิลปะอาร์ตเดโคของญี่ปุ่นและไฟแขวนในโคมผ้าไหมพร้อมพู่สั่งทำพิเศษจาก Samuel & Sons "สมเป็นห้องแต่งตัวของซูเปอร์โมเดล"

     เมื่อเริ่มปรับตัวเข้าที่กับบ้านในฝัน พาโลมาก็มีเวลาสำหรับการคิดทบทวน "ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวที่นี่" เธอเปิดใจ "ฉันได้หัดรับมือกับอะไรต่ออะไรเยอะมาก ทั้งการเลิกกับแฟน ผู้รับเหมา ได้ควบคุมทุกอย่างเอง ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจหรือเงินของตัวเอง ไม่ต้องอยู่ในอำนาจของใคร มันน่ากลัวนะแต่ก็ให้เสรีภาพมากเลย"

 

(สามารถอ่านเรื่อง Vogue Living | เปิดบ้านใจกลางเทือกเขาแอลป์ โปรเจกต์ยักษ์ของ Nachson Mimran และ Francis Kéré ได้ที่นี่)