Vogue Thailand

ครบรอบ 15 ปี Dangerously in Love งานฉายเดี่ยวชุดแรกของควีนบี

23 มิถุนายน 2003 คือวันแรกของอัลบั้ม Dangerously in Love

โดย ณัฐวุฒิ แสงชูวงษ์
23 มิถุนายน 2561

     23 มิถุนายน 2003 คือวันแรกที่อัลบั้ม Dangerously in Love งานเดี่ยวชุดแรกในชีวิตของบียองเซ่ถูกปล่อยออกมา ซึ่งออกช้าจากกำหนดเดิมที่วางไว้คือตุลาคม 2002 เกือบหนึ่งปี อีกทั้งบียองเซ่ยังเคยให้สัมภาษณ์ว่าอัลบั้มนี้เกือบเป็นหมัน ไม่ได้ออกด้วยซ้ำ “ตอนฉันทำอัลบั้มเสร็จ และเปิดให้ค่ายฟัง (ผู้บริหารของ Columbia Records) พวกเขาบอกว่าอัลบั้มนี้ไม่น่าจะมีเพลงฮิตสักเพลง” ใช่ พวกเขาเดาถูกเผง! อัลบั้มนี้มีอันดับ 1 บน Billboard Hot 100 ถึงสองเพลงคือ “Crazy in Love” และ “Baby Boy” บวกกับท็อปไฟฟ์อีกสองเพลงคือ “Me, Myself and I” และ “Naughty Girl” แถมตัวอัลบั้มเองก็ขายได้ทั่วดลกถึง 11 ล้านก๊อปปี้ แจ้งเกิดบียองเซ่ในฐานะนักร้องหญิงอาร์แอนด์บีเต็มตัว โบกมือลาสมาชิกเดสทินีส์ไชลด์ไปแบบสวยๆ

 

     บียองเซ่เริ่มวางแผนทำอัลบั้มชุดนี้หลังจากที่เดสทินีส์ไชลด์ออกอัลบั้ม Survivor และสมาชิกทั้งสามคนเห็นพ้องกันว่าควรจะพักเบรคชั่วคราวและไปทำอัลบั้มเดี่ยวกันคนละชุด เริ่มที่มิเชลล์ วิลเลียมส์ ออกตัวก่อนกับ Heart to Yours ในเดือนเมษายนปี 2002 ซึ่งได้รับคำชมแต่ขายไม่ออก แป้กสนิท ส่วนบียองเซ่ขอชิมลางกับการเล่นหนัง Austin Powers in Goldmember พร้อมทำเพลงประกอบ “Work It Out” คนที่มาแรงแซงโค้งที่สุดกลับเป็นเคลลี โรว์แลนด์ ที่ไปฟีเจอริ่งกับเนลลี่ในเพลง “Dilemma” ซึ่งฮิตระเบิดในปีนั้นและอยู่ในอัลบั้มเดี่ยว Simply Deep ของเธอ บียองเซ่เลยถือโอกาสปล่อยของแบบคู่บ้างด้วยการฟีเจอริ่งกับแฟนหนุ่มเจย์-ซีในเพลง “03 Bonnie & Clyde” ที่จัดว่าฮิตพอสมควร และเป็นการเปิดทางสู่อัลบั้มเดี่ยว Dangerouly in Love

     แมทธิว โนวลส์ คุณพ่อของบียองเซ่ซึ่งเป็นผู้จัดการวงเดสทินีส์ไชลด์รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์หลักให้กับอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของลูกสาว โดยบียองเซ่มีส่วนร่วมแต่งเพลงและร่วมโปรดิวซ์ ซึ่งมีการแต่งเพลงเดโมไว้มากถึง 43 เพลง แต่เลือกนำมาใส่ในอัลบั้ม 15 เพลง โดยได้ศิลปินดังอย่างฌอน พอล, มิสซี เอลเลียต และลูเธอร์ แวนดรอส มาร่วมฟีเจอริ่ง สำหรับไตเติลแทร็ก “Dangerously in Love” นั้นเป็นชื่อเพลงที่อยู่ในอัลบั้ม Survivor แต่ไม่ได้ถูกตัดเป็นซิงเกิล บียองเซ่เห็นว่าเข้ากับเพลงอื่นๆ ของอัลบั้มจึงนำมาปรับแต่งเล็กน้อยและใส่ในอัลบั้มนี้ โดยใช้ชื่อว่า “Dangerously in Love 2” รวมทั้งใช้ชื่อเพลงนี้เป็นชื่ออัลบั้มด้วย

     เหมือนทุกอย่างจะไปได้ด้วยดี แต่หลังจากความสำเร็จอย่างท่วมท้นของเพลง “Dilemma” บียองเซ่ถูกค่ายสั่งให้เลื่อนออกอัลบั้มและแต่งเพลงเพิ่ม จากเดิมที่กำหนดไว้ในเดือนตุลาคม 2002 ก็ถูกเลื่อนไปเป็นธันวาคมปีเดียวกัน จากนั้นก็ถูกเลื่อนอีกเป็นเดือนพฤษภาคมปี 2003 แม้เธอไม่ค่อยพอใจแต่ก็ยอมรับการตัดสินใจ เดินหน้ากลับเข้าสตูดิโออีกครั้งและทำเพลงเพิ่ม ซึ่งนั่นรวมถึง “Crazy in Love” เพลงฮิตประจำตัวของเธอที่เพิ่งมาถูกทำเพิ่มในตอนท้ายนี่เอง เพลง “Crazy in Love” เกิดจากไอเดียของโปรดิวเซอร์ริช แฮรริงสัน ที่อยากใช้แซมเปิลของเพลงยุค 70’s “Are You My Woman? (Tell Me So) ของวง The Chi-Lites ในตอนแรกบียองเซ่รู้สึกไม่แน่ใจว่าคนต้นยุค 2000 ซึ่งคุกรุ่นด้วยดนตรีอาร์แอนด์บีจะสนใจเสียงแตร แต่พอฟังไปเรื่อยๆ บียองเซ่กลับรู้สึกชอบและสั่งให้แฮริสันแต่งเพลงภายในสองชั่วโมงระหว่างที่เธอออกไปข้างนอก แม้เขาจะกดดันมากกับระยะเวลาที่ให้แต่ก็แต่งได้ได้เกือบสมบูรณ์ โดยบียองเซ่ช่วยแต่งท่อน bridge รวมทั้งท่อน “Uh-oh, uh-oh, you know” ที่ติดหู ในวันเดียวกันประมาณตี 3 เจย์-ซีถูกเรียกตัวมาที่สตูดิโออย่างเร่งด่วนและพ่นท่อนแร็พให้ โดยเขาอิมโพสไวซ์ออกมาโดยใช้เวลาแค่ 10 นาที

     ทันทีที่เพลง "Crazy in Love" เสร็จเรียบร้อย ทางค่ายใช้วิธีเลือกซิงเกิลแรกโดยส่งสองเพลงไปเปิดตามคลับ เพื่อเช็คว่าเพลงไหนที่ได้รับผลตอบรับดีกว่าจะตัดเป็นซิงเกิลแรก (อีกเพลงคือ "Baby Boy" ซึ่งถูตัดเป็นซิงเกิลที่สอง) สุดท้ายเพลง "Crazy in Love" มีเสียงตอบรับที่ดีกว่า มันได้รับเลือกให้ตัดเป็นซิงเกิลแรกและปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2003 ซึ่งไม่ต้องสงสัยว่าดังเปรี้ยงแค่ไหน มันคือเพลงแห่งต้นยุค 2000 เลยล่ะ นอกจากครองอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Hot 100 นาน 8 สัปดาห์ (และฮิตไปทั่วโลก) ยังได้รับรางวัลแกรมมี่สาขา Best R&B Song และ Best Rap/Sung Collaboration เป็นการเปิดตัวที่สวยงามและปูทางไปสู่อัลบั้มเต็ม Dangerously in Love ซึ่งจากที่กำหนดวางไว้ในเดือนกรกฎาคม 2003 ก็ถูกขยับขึ้นมาให้ออกเร็วขึ้นเป็น 23 มิถุนายน 2003 (เนื่องจากความสำเร็จของ "Crazy in Love") ซึ่งนอกจากจะขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกาและทั่วโลก ทำยอดขาย 11 ล้านก๊อปปี้ทั่วโลกแล้ว ยังกวาดรางวัลจากแทบทุกเวที รวมทั้งแกรมมี่สาขา Best Contemporary R&B Album อีกทั้งเพลง “The Closer I Get to You” ที่ร้องคู่กับลูเธอร์ แวนดรอส ก็ชนะ Best R&B Performance by a Duo or Group with Vocals และเพลง “Dangerously in Love 2” ก็ได้รางวัล Best Female R&B Vocal Performance

     เหนือสิ่งอื่นใด อัลบั้ม Dangerously in Love และเพลง “Crazy in Love” ที่เปิดซ้ำวนไปบนเอ็มทีวีกลายเป็นไอคอนทางดนตรีแห่งต้นยุค 2000’s ถือเป็นใบเบิกทางให้บียองเซ่แจ้งเกิดเป็นควีนออฟอาร์แอนด์บีเต็มตัว ทิ้งห่างจากสมาชิกเดสทินีส์ไชลด์คนอื่นๆ แบบไม่เห็นฝุ่นมาจนถึงตอนนี้

 

ครบรอบ 15 ปี Dangerously in Love งานฉายเดี่ยวชุดแรกของควีนบี