หนุ่มเนื้อหอมที่สุดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2021 คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Daniel Craig ที่เพิ่งอำลาการรับบท James Bond ไปด้วยภาพยนตร์ No Time To Die ภาพยนตร์ลำดับที่ 25 ของแฟรนไชส์สายลับ 007 เขาคือหนุ่มนักแสดงที่ทุกคนต่างต้องการตัวไปออกรายการเพื่อดึงเรตติ้ง และ The Late Late Show ของ James Corden ก็เป็นอีกหนึ่งรายการชื่อดังที่ได้ถ่ายทอดความมีเสน่ห์ของแดเนียลให้ทุกคนได้สัมผัส มากไปกว่านั้นยังมีการแสดงสุดปั่นป่วนที่เรียกรอยยิ้มและชวนให้เราคิดถึงภาพยนตร์ในอดีตอีกด้วย

แดเนียลและเจมส์รังสรรค์โชว์หวนรำลึกฉากดังจากภาพยนตร์ในตำนานมากถึง 24 เรื่อง ไล่เรียงตั้งแต่ Jurassic Park, Back to the Future, Thelma & Louise, Gone With the Wind, Pulp Fiction, The Exorcist, The Godfather, Gladiator, Avengers, Jaws, Titanic, Avatar, E.T., Star Wars, Batman, Harry Potter, The Lord of the Rings, Dirty Dancing รวมถึงยังมีภาพยนตร์สายลับที่เขารับบทเองอีกหลายภาคอีกด้วย และที่น่าทึ่งคือเขาและเจมส์ใช้เวลาในการแสดงทั้งหมดไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ ถ้าเป็นการเล่นดนตรีก็ต้องบอกว่านี่เป็นเมดเลย์เพลงดังที่ใช้เวลาบรรเลงน้อยมากจริงๆ

เหตุการณ์นี้เราได้เห็นแง่มุมความตลกและเป็นธรรมชาติของนักแสดงผู้รับบทเจมส์ บอนด์ยุคใหม่ เขามาพร้อมอารมณ์ขันและสามารถสวมบทบาททุกแบบได้อย่างน่าประทับใจ เขาปรับตัวไปตามสถานการณ์ได้อย่างดี อีกทั้งยังลื่นไหลไปในบทบาทต่างๆ รวมถึงแปลงโฉมตัวเองได้ง่ายๆ ภายในไม่กี่วินาที และหลังจากไล่แสดงภาพยนตร์ดังในอดีตมามากมายเขาก็ปิดท้ายด้วยบทเจมส์ บอนด์ กับการเดินตัดเวทีไปและพูดกับผู้ชมว่า “และตอนนี้เป็นครั้งสุดท้าย(ที่จะรับบทสายลับ) ชื่อของเขาคือบอนด์, เจมส์ บอนด์” ถือว่าเป็นปิดท้ายโชว์และอำลาบทบาทสายลับสุดไอคอนิกอย่างไม่เป็นทางการที่จะอยู่ในความทรงจำของทุกคนตลอดไป
ภาพ: The Late Late Show
Daniel Craig ตำนาน เจมส์ บอนด์ ได้รับดาวบนถนน Hollywood Walk of Fame แล้วเรียบร้อย
เจาะประเด็นสุดละเอียดอ่อนของบท James Bond เมื่อ Daniel Craig บอกว่าไม่ควรเป็นผู้หญิง
James Corden จับมือ Camila Cabello โปรโมตภาพยนตร์ 'Cinderella' จนกลายเป็นไวรัล
Sean Connery: ตำนานที่เกือบไม่ได้รับบท James Bond เพราะถูกมองเป็นแค่สตั๊นท์แมนดาดๆ