Photographer: Kreeda Jeerapongplin
Stylist: Suphakit Hunarak
Stylist Assistant: Satima Limpakanjanavah, Naruemol Namkeaw
Clothes: SportMax, Vickteerut
Accessories: Swarovski
Shoes: Giuseppe Zanotti, Rene Caovilla
_______________
เล่าถึงความรู้สึกที่ได้ทำงานร่วมกัน (ถือเป็นการร่วมงานของทัพนักแสดงหญิงแถวหน้าของเมืองไทย)
นุ่น: รู้สึกดีใจและโชคดีมากๆ ที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับ Netflix ค่ะ นุ่นติดตามซีรีส์ ภาพยนตร์ต่างๆ จากทาง Netflix อยู่แล้ว และวันนี้โอกาสก็มาถึงแล้ว นอกจากนั้น องค์ประกอบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง ผู้กำกับ นักแสดงที่ได้ร่วมงานด้วย ก็ถือว่าโชคดีมากๆ ที่ได้ทีมงาน นักแสดง พาร์ตเนอร์ที่มืออาชีพมากๆ เลยทำให้การทำงานง่าย สื่อสารกันเข้าใจโดยที่เราไม่ต้องคิดว่าจะรับส่งกันอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากๆ สำหรับนักแสดง เลยทำให้การทำงานง่ายในทุกซีนค่ะ
ซินดี้: เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแรกที่เล่นกับนุ่น ซินดี้เคยเล่นละครกับนุ่นเมื่อนานมากแล้วซึ่งน่าจะเป็นเรื่องแรกๆ ของนุ่นเลย แต่เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับแพร์ ทั้งสองคนเป็นนักแสดงมากความสามารถและซินดี้รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาเป็นหนึ่งในสามนักแสดงนำหญิงของซีรีส์เรื่อง อย่ากลับบ้าน (Don’t Come Home) ซึ่งแต่ละตัวละครก็เข้มข้นและมีมิติที่น่าสนใจมากค่ะ
แพร์: รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากในฐานะนักแสดงคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับนักแสดงแถวหน้าของวงการทั้งพี่นุ่นและพี่ซินดี้ รวมถึง Netflix ด้วยค่ะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ของแพร์ รู้สึกโชคดีและขอบคุณทุกๆ โอกาสที่เข้ามาค่ะ
แต่ละคนรับบทเป็นอะไรกันบ้าง ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย
นุ่น: นุ่นรับบทเป็น “วารี” ผู้หญิงที่ถูกสามีทำร้ายอยู่ซ้ำๆ และมีลูกสาวคนหนึ่งชื่อน้องมิน จนวันหนึ่งวารีทะเลาะกับสามี เหตุการณ์นั้นทำให้ตัดสินใจพาลูกหนีออกจากบ้าน ทิ้งทุกอย่างไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครหาเจอเพื่อหลีกหนีจากครอบครัว และสถานที่เดียวที่เรานึกถึงคือบ้านต่างจังหวัดที่เราเคยอยู่ตอนเด็กๆ เมื่อประมาณ 30 ปีก่อน คือบ้านจารึกอนันต์ที่ไม่มีใครรู้จักนอกจากเรา ก็เลยมุ่งหน้าไปอยู่ที่นั่น จนวันหนึ่งมีเหตุการณ์ที่ทำให้ลูกสาวหายตัวไป เลยเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดค่ะ
แพร์: แพร์รับบทเป็น “สารวัตรฟ้า” ตำรวจหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ทำงานอยู่ที่ อ.ตะกั่วป่า และเป็นเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดีการหายตัวไปของลูกสาวของวารีที่ชื่อมิน (รับบทโดย เจแปน-พลอยปภัส ฝนแก้วศิวพร) ก็เลยได้มาเจอกับวารีและช่วยเธอตามหาลูก ซึ่งในขณะเดียวกันฟ้าเองก็ถูกเพื่อนร่วมงานครหากับความก้าวหน้าในหน้าที่การงานด้วย ซึ่งระหว่างที่เราทำเคสนี้ คุณวารีก็จะนำเราไปเจอประเด็นต่างๆ ในเรื่องที่คาดเดาไม่ได้เลยค่ะ
ซินดี้: ซินดี้รับบทเป็น “พนิดา” หัวหน้าวิศวกรโรงงานไฟฟ้า เป็นผู้หญิงที่เก่ง ฉลาด และมุ่งมั่นมาก ต้องเข้าใจว่าการที่ผู้หญิงจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าในอาชีพวิศวกรก็ค่อนข้างยากอยู่แล้ว เพราะเป็นแวดวงที่เป็นผู้ชายเสียส่วนใหญ่ ซึ่งเธอประสบความสำเร็จในเรื่องของการงานมาก ได้เป็นถึงระดับหัวหน้า แต่เธอมีปมในใจจากเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งเธอคือผู้ล่วงรู้ประวัติและเหตุการณ์ลึกลับที่เคยเกิดขึ้นและกุมความลับของบ้านจารึกอนันต์ไว้ในมือค่ะ
ประสบการณ์ที่ได้ร่วมเล่นซีรีส์ระทึกขวัญ สืบสวนสอบสวน ยากง่ายหรือแตกต่างจากซีรีส์แนวอื่นที่เคยรับบทมาอย่างไร
แพร์: บทสารวัตรฟ้าแตกต่างเกือบจะร้อยเปอร์เซนต์เลย น่าจะมีความเหมือนกันอย่างเดียวคือเป็นผู้หญิง นอกจากนั้นไม่ว่าจะเป็นความคิด บุคลิกลักษณะ ท่าทาง การวางช่องเสียง หรือประสบการณ์ที่เธอผ่านมาไม่เหมือนกันเลย แพร์เลยรู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ที่ได้มารับบทบาทนี้ ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ รวมถึงหาช่องของการแสดงในอีกระดับ ทำให้ในฐานะนักแสดงรู้สึกตื่นแต้นและอยากจะถ่ายทอดบทบาทนี้ออกมาให้ดีที่สุดค่ะ
นุ่น: เทียบกันลำบากค่ะ เพราะงานแต่ละประเภทก็มีการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของทีมงาน มุมกล้องที่ใช้ ก็ต่างกันไป และอย่างเรื่อง อย่ากลับบ้าน (Don't Come Home) เล่าโดยมีหลากหลายอารมณ์และเรื่องราว เพราะฉะนั้นเราต้องเล่นให้สอดคล้องกันด้วยค่ะ
ซินดี้: ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ตัวละครมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน ร้ายก็คือร้าย ไม่ค่อยมีมิติอื่น แต่ตัวบทพนิดา ถือว่าเป็นบทที่ท้าทายที่สุดที่เคยเล่นมา เนื่องจากมีความซับซ้อนของตัวละครซึ่งไม่ได้มีเพียงมิติเดียว ต้องตีความว่าหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับพนิดา เธอจะรู้สึกอย่างไร และส่งผลให้เกิดการกระทำต่างๆ อย่างไรบ้าง บวกกับความลึกลับและแปลกใหม่ของเรื่องซึ่งผู้ชมไม่เคยได้เห็นมาก่อน ถือว่าเป็นมิติใหม่ของความลึกลับเลยค่ะ
อะไรคือความยากที่สุดของการเล่นซีรีส์เรื่อง อย่ากลับบ้าน (Don't Come Home)
นุ่น: ไม่รู้ว่าจริงๆ จะเทียบว่ามันยากไหม เรารู้สึกว่ามันยาก แต่พอไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ ก็จะมีทางออกเสมอค่ะ อย่างมีซีนหนึ่งที่ต้องทุบกระจก ให้ได้ออกไปจากพื้นที่ปิด ซึ่งตอนถ่ายแทบไม่มีอากาศเลย เวลาพูดก็จะทำให้เหนื่อยกว่าปกติหน่อย ตอนถ่ายทำจริงๆ มีถ่ายหลายเทค และเราเล่นเต็มที่หมด ถือเป็นฉากที่ท้าทายเลยค่ะ รวมถึงฉากกับพี่ซินดี้ในตอนท้ายเรื่อง ซึ่งมีหลากหลายองค์ประกอบ ทั้งเรื่องอารมณ์ เรื่องคิวต่างๆ ในขณะที่ถ่าย นุ่นเล่นเต็มที่เพื่อรับส่งอารมณ์ให้พี่ซินดี้ และเพื่อสื่ออารมณ์ออกมาให้ได้มากที่สุด ถึงแม้ว่าซีนนั้นคนดูอาจไม่เห็นเราอยู่ในเฟรมก็ตามค่ะ
ซินดี้: สำหรับซินดี้จะเป็นเรื่องการเรียบเรียงอารมณ์ค่ะ หากได้ดูแล้วจะเข้าใจว่า ในแต่ละซีน เราจะต้องมีสติในการแสดงแต่ละอารมณ์ให้ออกมาชัดเจนว่าในจุดนี้ตัวละครรู้สึกอย่างไร และเราต้องขยี้ให้มันสุดเลย เพื่อถ่ายทอดให้คนดูได้เห็นเลยว่า โอ้โห ความเจ็บปวด ความซับซ้อน ความกลัว อารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมันมีที่มาที่ไปอย่างไร สำหรับตัวซินดี้เอง เรื่องนี้ค่อนข้างดราม่าเลยค่ะ
แพร์: ความยากที่สุดคือเรื่องความรู้สึกของตัวละครค่ะ รวมถึงคาแรกเตอร์ด้วย ต้องแสดงออกมาน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่ตัวละครรู้สึก ฟ้าเป็นคนที่มีกระบวนการในความคิดและความรู้สึกเยอะมาก แต่จะเก็บเอาไว้ข้างใน บางทีฟ้าไม่ได้พูดออกมาเยอะ ไม่ได้แสดงท่าทางหรืออารมณ์เยอะ เพราะเธออยู่ในเครื่องแบบตลอด ต้องปฏิบัติหน้าที่ ภายนอกเธอต้องแข็งแกร่งมากๆ เพราะเป็นถึงตำแหน่งหัวหน้าที่บังคับบัญชาตำรวจในโรงพัก ก็จะได้รับความกดดันในขณะที่ทำงาน แต่ในขณะเดียวกัน ฟ้าก็ยังตั้งครรภ์ และถูกครหาจากเพื่อนร่วมงานด้วย เลยมีความรู้สึกหลายๆ อย่าง มีเรื่องราวที่เธอเก็บไว้ในใจและไม่กล้าที่จะยืนหยัดด้วยตัวเอง เราเลยต้องเล่นให้ลึกมากๆ บางทีแสดงออกแค่จากสายตาด้วยซ้ำ แพร์รู้สึกว่านี่คือความยากและความท้าทายที่แพร์ต้องเตรียมตัวและทำการบ้านเยอะมากเลยค่ะ
หนึ่งฉากประทับใจของแต่ละคนคือฉากไหน เพราะอะไร
นุ่น: ฉากที่ชอบที่สุดคือฉากเล็กๆ ที่วารีหมดหวัง หมดกำลังใจ หมดหนทางในการตามหาลูก เพราะทีมตำรวจและทีมชาวบ้านจะหยุดการค้นหาลูกของเราแล้ว ความรู้สึกของตัวละครคือมันนิ่งเลย เพราะไม่มีวิธีไหนที่จะช่วยลูกเราได้แล้ว ตอนที่เล่นคือเรารู้สึกนิ่งไปเลย รู้สึกถึงความว่างเปล่า และทำให้เรารู้จักตัววารีแบบลึกซึ้งมากขึ้นว่าจริงๆ แล้วสภาวะจิตใจเธอเป็นยังไง ไม่ได้เป็นวารีที่โวยวายแต่ข้างในมันนิ่งจนมันเย็น และการที่คนคนหนึ่งอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ มันมีผลกระทบกับชีวิตตัวเองและมันทำให้ชีวิตพังได้เพียงแค่เสี้ยววินาทีค่ะ
แพร์: ซีนหลังจากทำพิธีในป่าตอนกำลังหาลูกสาวของวารี แล้วในระหว่างที่เราเดินกลับกับวารี จะมีบทสนทนาเล็กๆ น้อยๆ ที่ถามว่า โอเคไหม ไม่ได้นอนเหรอ และบทสนทนาเรื่องความรักที่มีให้ลูก แพร์รู้สึกว่าซีนนั้นมีอะไรหลายๆ อย่างที่ฟ้ารู้สึกระหว่างเดินไปกับวารี ไม่ว่าจะเป็นความเห็นอกเห็นใจ ความรู้สึกผิด หรือความรู้สึกที่ฟังแล้วมันสะท้อนใจตัวเอง เหมือนได้ข้อคิดบางอย่างแล้วพยายามจะเข้มแข็งขึ้นมา ทั้งๆ ที่ข้างในรู้สึกไม่มีที่พึ่งเหมือนกัน เกิดเป็นความสัมพันธ์ระหว่างแม่สองคนขึ้นมาในซีนนั้น แพร์เลยรู้สึกว่าเป็นซีนที่ถามกันเหมือนไม่มีอะไร แต่จริงๆ มีอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้นเยอะ พอเล่นแล้วรู้สึกว่าเป็นฉากที่ประทับอยู่ในใจเราค่ะ
ซินดี้: ยากมากเลยค่ะ ฉากที่ประทับใจที่สุด น่าจะเป็นฉากที่เข้ากับน้องเจแปน น้องเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์มากและตั้งใจมาก ซินดี้ได้เข้าฉากกับน้องค่อนข้างเยอะเลยประทับใจฉากที่อยู่ในบ้านด้วยกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นโมเมนต์ที่อบอุ่นมาก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของอะไรหลายๆ อย่าง ซึ่งซินดี้เชื่อว่าหากผู้ชมดูจบแล้วต้องย้อนกลับไปดูตอนแรกใหม่ทันที เพราะมี Easter eggs ที่ซ่อนไว้ระหว่างทางเยอะมาก และต้องกลับไปหาดูว่ามีอะไรซ่อนไว้บ้างค่ะ
อยากบอกอะไรกับคนดู อย่ากลับบ้าน (Don't Come Home) (น่าติดตามมากแค่ไหน)
นุ่น: อยากให้เปิดใจหันมามอง อย่ากลับบ้าน (Don't Come Home) เยอะๆ เป็นซีรีส์เรื่องแรกของคุณต้นที่เขียนบทและกำกับเอง และยังเป็นการทำงานร่วมกับ Netflix ครั้งแรกของทั้งพี่ซินดี้ แพร์ และตัวของนุ่นเองด้วย อยากให้เป็นกำลังใจให้ วารี จารึกอนันต์ เยอะๆ และมาร่วมหาคำตอบไปพร้อมๆ กันใน อย่ากลับบ้าน (Don't Come Home) รับชมได้แล้ววันนี้ที่ Netflix ค่ะ
แพร์: แต่ละตอนของซีรีส์เรื่อง อย่ากลับบ้าน (Don't Come Home) จะมีมู้ดที่ต่างกันมากๆ แต่จะเชื่อมโยงกันทั้งหมด แพร์เชื่อว่าหลายๆ คนจะยังคาดเดาไม่ได้ แต่อยากให้ลองดูจริงๆ ค่ะ เพราะเรื่องนี้เป็นอีกมิติของซีรีส์ไทยที่แพร์ว่าทุกคนจะต้องรู้สึกตื่นเต้น อยากติดตาม และคอยลุ้นกับตัวละครไปด้วย อยากให้ทุกคนสนุกไปกับเรื่องราว และอย่าลืมหยิบป็อปคอร์นมาทานระหว่างดูนะคะ
ซินดี้: ฝากไว้ว่าอย่าเพิ่งตีความหรือคาดหวังว่าจะต้องเป็นอย่างไร เพราะซินดี้เชื่อว่าจากตอนแรกจนถึงตอนสุดท้าย คุณจะต้องเปลี่ยนความคิดหลายๆ อย่าง หรือแทบทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งคาดเดาอะไร และตั้งใจดูเรื่อง อย่ากลับบ้าน (Don't Come Home) ตั้งแต่ต้นจนจบนะคะ
Beyoncé สร้างประวัติศาสตร์! เป็นศิลปินที่มีชื่อเข้าชิง Grammy Awards มากที่สุด 99 ครั้งตลอดชีวิต
RIMOWA เผยกระเป๋าเดินทางลิมิเต็ด เอดิชั่น Original Cabin Optical ปรับเปลี่ยนร่องอะลูมิเนียมโฉมใหม่
Ariana Grande เตรียมเบรกจากการทำอัลบั้ม มุ่งเน้นสู่เส้นทางนักแสดงบรอดเวย์เต็มตัว
เปิดแฟชั่นเซ็ตและบทสัมภาษณ์ 'หลิง-ออม' สองสาวสุดฮอตต่างขั้ว ครั้งแรกบนปกโว้กประเทศไทย!