Vogue Thailand

LIFESTYLE

รวบภาพยนตร์คล้าย ‘The Devil Wears Prada’ ทั้งในด้านแฟชั่นอันจัดจ้านและสังคมการทำงานที่หลากหลาย!

นี่คือภาพยนตร์ที่มอบแรงบันดาลใจในแง่ของแฟชั่นและการทำงานเหมือนกับ The Devil Wears Prada

โดย Ramita Naungtongnim
18 มีนาคม 2568

     หากจะกล่าวถึง ‘ภาพยนตร์ขึ้นหิ้ง’ ในลิสต์ของแต่ละคนคงจะมีภาพยนตร์ที่แตกต่างกันไป หนึ่งในนั้นคงไม่พลาดภาพยนตร์ไอคอนิกอย่าง ‘The Devil Wears Prada’ โดยเป็นผลงานจากผู้กำกับมือฉมัง David Frankel ที่สร้างตัวตนของ Miranda Priestly (นำแสดงโดย Meryl Streep) และ Andrea Sachs (นำแสดงโดย Anne Hathaway) เจ้านายและลูกน้องที่เล่นเสียดสีกันตลอดเนื้อเรื่อง และดำเนินไปด้วยความเผ็ดร้อนโดยนำเสนอแง่มุมเบื้องลึกถึงวงการแฟชั่นและนิตยสารแฟชั่น แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนจดจำและหวนนึกถึงเสมอคือการใส่รายละเอียดของแฟชั่นละลานตาและเป็นเอกลักษณ์ที่ถึงแม้จะหยิบมาดูอีกครั้งในช่วงเวลานั้นก็ยังรู้สึกว่าไม่มีวันตกยุคแม้กาลเวลาจะผันเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังตีแผ่เรื่องคนวัยทำงานเข้าอย่างจังที่หลายคนต้องรับมือกับสิ่งที่ไม่พร้อมเผชิญ เฉกเช่นการแก้ปัญหางานในแต่ละวัน หรือแม้แต่ต้องรองรับอารมณ์คนจากบุคคลที่มาจากร้อยพ่อพันแม่ ซึ่งล้วนสะท้อนถึงสังคมการทำงานที่เกิดขึ้นจริงทั่วโลกทั้งสิ้น

     เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้วหลายคนคงคิดว่าเนื้อเรื่องอันจัดจ้านในแง่ของแฟชั่นและการทำงานนั้นไม่ได้ถูกนำเสนอในภาพยนตร์เรื่องนี้เท่านั้น แต่ยังมีภาพยนตร์อีกหลายเรื่องที่เล่าถึงความสวยงามของแฟชั่นที่ร่วมสมัย เรื่อยไปจนถึงวิถีการทงานที่เหล่าผู้คนต้องเจอในชีวิตประจำวัน บทความนี้โว้กขอรวบภาพยนตร์ทั้ง 5 เรื่องที่มีกลิ่นอายคล้ายกับ The Devil Wears Prada ที่มอบเกร็ดแฟชั่นและการทำงานที่ต้องพบเจอในชีวิตประจำวัน

 

 

1. Breakfast at Tiffany’s (ปี 1961)

     เปิดประเดิมด้วยภาพยนตร์ระดับตำนานอย่าง ‘Breakfast at Tiffany’s’ ที่ออกฉายในปี 1961 ฝีมือของผู้กำกับ Blake Edwards ที่ได้นักแสดงสาวผู้เป็นดั่งไอคอนิกแห่งวงการฮอลลีวู้ดอย่าง ‘Audrey Hepburn’ ในบทบาทของ ‘Holly’ โดยเนื้อเรื่องถูกเล่าถึงในช่วงกรุงนิวยอร์ก ปี 1943 หรือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งฮอลลี่เพียบพร้อมไปด้วยความสวยและเสน่ห์ที่ต้องการแต่งงานกับมหาเศรษฐีที่มากล้นด้วยเงินทอง แต่เธอกลับตกหลุมรักหนุ่มนักเขียน ‘Paul’ ที่ทำให้เธอเปลี่ยนมุมมองความรักไปทว่ามันก็ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เธอคิด แน่นอนว่าเมื่อมองชื่อเรื่องและนักแสดงนำแล้ว แฟชั่นที่โดดเด่นจึงถูกนำเสนอผ่านคอสตูมที่ออเดรย์และคาแร็กเตอร์ที่สวมใส่แต่ละชุดนั้นสะท้อนถึงค่านิยมของชนชั้นสูงในสมัยศตวรรษ 20 บ่งบอกถึงความร่ำรวยหรูหรา ทั้งยังสะท้อนความดำมืดของจิตใจมนุษย์อีกด้วย

 

 

2. Valentino: The Last Emperor (ปี 2008)

     ถัดมากับภาพยนตร์สารคดีแห่งวงการแฟชั่นอย่าง ‘Valentino: The Last Emperor’ ออกฉายในปี 2008 อันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของ Valentino Garavani ซึ่งผลิตและกำกับโดย Matt Tyrnauer โดยจะพาไปสำรวจโลกการทำงานและชีวิตของวาเลนติโน่ หนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดของอิตาลี และเล่าถึงประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อธุรกิจแฟชั่นโดยหัวใจสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้คือความสัมพันธ์ระหว่าง Valentino กับ Giancarlo Giammetti หุ้นส่วนทางธุรกิจและเพื่อนคู่ใจของเขาที่อยู่ด้วยกันมาร่วม 50 ปี ไปจนถึงเบื้องหลังความสำเร็จของวาเลนติโน่ที่สืบเนื่องแบรนด์ Valentino มาจนถึงปัจจุบัน

 

 

3. Confessions of a Shopaholic (ปี 2009)

     ภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอมเมดี้อย่าง ‘Confessions of a Shopaholic’ ที่ออกฉายในปี 2009 เป็นผลงานที่ดัดแปลงจากหนังสือสองเล่มแรกของนิยาย ‘Shopaholic’ ของนักเขียน ‘Sophie Kinsella’ ซึ่งได้ P.J. Hogan ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวออสเตรเลียมาขึ้นแท่นกำกับ โดยเนื้อเรื่องเล่าถึง Rebecca Bloomwood (นำแสดงโดย Isla Fisher) หญิงสาวผู้หลงใหลในการช็อปปิ้งจนสร้างหนี้ก้อนโตและไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ในเร็ววันได้ แน่นอนว่าผู้ชมจะสามารถเห็นแฟชั่นหลายคอสตูมจัดจ้านเทียบเท่ากับภาพยนตร์เรื่อง The Devil Wears Prada นอกจากนี้ Confessions of a Shopaholic ยังให้แง่คิดว่าไม่ควรใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยหรือหลงใหลไปกับแฟชั่นที่มาเร็วไปเร็วหรือ Fast Fashion อีกด้วย

 

 

4. Morning Glory (ปี 2010)

     หากกล่าวถึงภาพยนตร์ที่นำเสนอมุมมองการสู้งานในสังคมการทำงาน ภาพยนตร์เรื่อง ‘Morning Glory’ ออกฉายในปี 2010 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่เหล่าผู้ชมจะได้แง่คิดเกี่ยวกับการทำงาน โดยเนื้อหาเกี่ยวกับการทำงานของเบคกี้ (นำแสดงโดย Rachel McAdams) โปรดิวเซอร์รายการข่าวเช้า ที่ต้องสร้างเรตติ้งให้กับรายการที่กำลังตกต่ำในขณะนั้น รวมถึงต้องทำให้บรรยากาศการทำงานกลับมาครึกครื้นอีกครั้งเนื่องจากสภาวะการ Burn Out จากเพื่อนร่วมงาน สุดท้ายแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ให้แง่คิดที่ว่าทุ่มเทให้กับการทำงานได้ แต่ต้องไม่ลืมที่จะใส่ใจตัวเองและคนรอบข้างเพื่อให้ชีวิตมีความสุขด้วย

 

 

5. The Intern (ปี 2015)

     ปิดท้ายไปกับอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่สะท้อนสังคมการทำงานอย่าง The Intern ออกฉายในปี 2015 ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนวดราม่าคอมเมดี้ที่เล่าเรื่องราวของ ‘Ben Whittaker’ (นำแสดงโดย Robert De Niro) หนุ่มวัยเกษียณที่ไม่พร้อมใช้ชีวิตแบบคนเกษียณ เขาจึงตัดสินใจไปสมัครเป็นเด็กฝึกงานที่ About the Fit บริษัทขายเสื้อผ้าออนไลน์ที่ก่อตั้งโดย Jules Ostin (นำแสดงโดย Anne Hathaway) หญิงสาวผู้ทุ่มเทและทะเยอทะยานให้กับงานเป็นหลัก โดยภาพยนตร์เรื่องนี้จะสร้างกำลังใจในการทำงาน และมอบความรู้สึกดีๆ ให้การทำงานมีความสุขและสนุกสนานยิ่งขึ้น

 

รวบภาพยนตร์คล้าย ‘The Devil Wears Prada’ ทั้งในด้านแฟชั่นอันจัดจ้านและสังคมการทำงานที่หลากหลาย!