robert-pattinson

LIFESTYLE

ลงทุนทุกอย่างเพื่อสลัดภาพลักษณ์ Robert Pattinson นักแสดงผู้หลุดจากแสงเงาของ Twilight

เพื่อสลัดภาพลักษณ์แวมไพร์หนุ่มดั่งเงาตามตัว โรเบิร์ตลงทุนเล่นหลายบทบาท ตั้งแต่คนคลั่งลัทธิ ไปจนถึงคนเฝ้าประภาคาร

โดย Pannatorn Tamnipanon
22 เมษายน 2565

     ทั้งๆ ที่ Twilight Saga เป็นภาพยนตร์สร้างชื่อให้กับ Robert Pattinson แต่ในขณะเดียวกันก็คงไม่มีใครเกลียดตัวละคร Edward Cullen ไปมากกว่าเจ้าของบทบาทอย่างเขาอีกแล้ว แพตตินสันดูไม่ได้ภูมิใจเท่าไหร่นัก เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการพาดพิงถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาก็จะให้ความเห็นและคำวิจารณ์ที่ล้วนแต่เป็นเชิงลบด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งการที่ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มันดูเป็นการวาดฝันของผู้แต่งอย่าง Stephenie Meyer เกินไปโดยไม่ได้อิงกับความเป็นจริง หรือไม่ก็พูดว่าภาพยนตร์ชุดนี้ไม่ควรถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์ด้วยซ้ำ เลยเถิดไปถึงการไม่ได้เข้าร่วมชมรอบพรีเมียร์ของภาพยนตร์เพราะว่ารับไม่ได้ จนท้ายที่สุดถึงขั้นบอกว่าหลังการถ่ายทำภาพยนตร์แฟรนไชส์เรื่องนี้จบสิ่งที่เขาได้กลับคืนมาคือ “ศักดิ์ศรี” 

Article

ภาพ: Teen Vogue

เกลียด Twilight เข้าไส้

     แพตตินสันตั้งท่าปฏิเสธและไม่ชอบ Twilight Saga ถึงเพียงนี้คงเป็นเพราะความซ้ำซากที่เดาทางออกตั้งแต่ต้นเรื่องของบทสคริปต์ ความน้ำเน่าของคู่รักที่เขามองว่ามันค่อนข้างจะ Toxic แล้วไหนจะเรื่องดราม่าที่อีรุงตุงนังกันจริงระหว่างเขากับแฟนสาวทั้งในและนอกจอภาพยนตร์อย่าง Kristen Stewart มัดรวมเป็นเหตุผลให้เขาเกลียดภาพยนตร์เรื่องนี้แบบเข้ากระดูกดำ และกลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วโลกว่าคนดูอีกหลายจำนวนเองก็ต้องไม่ชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ตามไปด้วย ถึงขนาดมีวลีที่ว่า “Still better a lover story than Twilight” เมื่อมีภาพยนตร์รักเรื่องไหนที่ดูน้ำเน่าไม่ต่่างกันก็จะถูกนำมาเปรียบเทียบกันเอง เพียงแต่อย่างน้อยคนดูก็ยังเหมาว่าเรื่องนั้นดูให้ตายอย่างไรก็ดีกว่า Twilight Saga แหละนะ

     ส่วนสำคัญนอกจากนั้นเราว่าเป็นเพราะภาพยนตร์ชุดนี้ไม่ได้จำเป็นต้องใช้ความสามารถในการพยายามแสดงอะไรมากมาย บทไม่ได้ลึกซึ้งและไม่ได้มีมิติขนาดนั้น แพตตินสันจึงอาจคิดไปได้ว่าคนส่วนมากมองว่าเขามีดีแค่หน้าตามากกว่าฝีมือหรือเปล่า เพราะไม่ว่าจะทำอะไร ไปที่ไหน ชื่อของเขาที่ถูกพาดพิงถึงก็มักจะพ่วงตำแหน่งต่อท้ายว่าพ่อหนุ่มแวมไพร์ด้วยเสมอๆ นั่นแหละที่ทำให้เขาดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อลบภาพจำนั้น แพตตินสันจึงฉีกตัวออกไปเล่นภาพยนตร์นอกกระแส เป็นทั้งนักแสดงสมทบที่ออกมาเพียงน้อยนิด หรือแม้แต่รับเล่นบทแปลกๆ ที่ใครก็คาดไม่ถึง

Article

ภาพ: Refinery29

หลบหายไปเล่นหนังนอกกระแส

     หลังบทบาทของเอ็ดเวิร์ด คัลเลน จบลงแล้ว แพตตินสันโผล่ไปเล่นภาพยนตร์สัญชาติออสเตรเลียอย่าง The Rover ในปี 2014 ของผู้กำกับ David Michôd กับบทบาทสมาชิกในแก๊งอาชญากรที่เหล่าผู้วิจารณ์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาเล่นได้ดีจนน่าตกใจ ทั้งการเลียนสำเนียงการพูดและการแสดงที่มีชั้นเชิง แพตตินสันเก็บคำชมไปอีกรอบในช่วงต่อมาปี 2015 ที่เขารับเล่นเป็นช่างภาพ Dennis Stock ให้กับนิตยสาร Life ที่บอกเล่าสายสัมพันธ์ของเพื่อนระหว่างเขากับนักแสดง James Dean แม้คำวิจารณ์จะแตกออกเป็นสองเสียงสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ในด้านการแสดงของแพตตินสันทุกคนต่างบอกว่ามันสดใหม่ และคมกริบแบบสุดๆ 

     กระโดดมาถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตกับภาพยนตร์ในปี 2017 เรื่อง Good Time ที่นักวิจารณ์ต่างบอกว่านี่คือการแสดงที่ดีที่สุดจากแพตตินสัน เขาว่ากันว่าเพราะบทบาทโจรปล้นธนาคารกับชีวิตที่ค่อนข้างเข้มข้นในเรื่อง ส่งให้เขาได้รับบทบาทใหญ่ๆ อย่างภาพยนตร์เรื่อง Tenet และ The Batman หากก่อนจะไปถึงภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ในปัจจุบัน นักแสดงวัย 35 ปีแวะเล่นบทบาทคนเฝ้าประภาคารในภาพยนตร์ขาวดำเรื่อง The Lighthouse ปี 2019 ที่เก็บคำชมไปอีกเป็นกระบุง ในขณะที่ตัวหนังเองก็แอบมีความดูยากและสามารถตีความได้หลากหลายแบบ บ้างก็ว่าเป็นหนังประเภทเล่นกับจิตใจมนุษย์ที่ติดจะโรคจิตหน่อยๆ บางคนก็ตีความไปว่าเกี่ยวข้องกับความเป็นพระเจ้าและมนุษย์เสียด้วยซ้ำ

Article

ภาพ: Vogue UK

กลับสู่อ้อมอกเมนสตรีม

     ต่อด้วยภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ The King ในปี 2019 เขารับเล่นเป็น Louis The Dauphin ที่เลียนสำเนียงฝรั่งเศสได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งการแสดงและสีหน้าทำเอาทุกคนเชยชมว่าเขาขโมยสปอตไลต์ในเรื่องได้อยู่หมัดเลยทีเดียว แพตตินสันกลับคืนสู่อ้อมอกภาพยนตร์กระแสหลักได้อย่างงดงามกับเรื่อง Tenet ปี 2020 ของผู้กำกับแสนเทพ Christopher Nolan เขารับบทเป็น Neil สายลับที่เข้าช่วยเหลือตัวละครหลักเพื่อทำภารกิจแม้จะยอมเสียสละชีวิตของตัวเอง ถือเป็นบทบาทการกลับมาลงจอใหญ่อีกครั้งที่ทำรายได้มหาศาล แพตตินสันเองโดดเด่นและฉายแสงอย่างมาก หลายคนถึงได้รู้ว่าพอเขาหันมาเล่นบทบู๊แบบจริงจังก็นับว่าแพรวพราวไม่ใช่น้อย ก่อนจะตามมาด้วยบทบาทคนคลั่งลัทธิในภาพยนตร์เรื่อง The Devil All the Time ในปีเดียวกันที่ก็กวาดคำชมไปอีกมากโขเช่นกัน

Article

ภาพ: IMDB

     ล่าสุดกับอีกหนึ่งภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ The Batman ในบทบาทของเศรษฐี Bruce Wayne หรือ Batman ที่เวอร์ชั่นนี้ได้ผู้กำกับ Matt Reeves พาบทให้ดำดิ่งสู่การเป็นแบทแมนฉบับที่คนไม่เคยได้เห็นมาก่อน ทั้งการชูเอกลักษณ์ไปที่การสืบสวน ในขณะเดียวกันก็เป็นแบตแมนที่มีปมในใจและขับเคลื่อนชีวิตด้วยความโกรธและความแค้นสุมอก เวอร์ชั่นแบตแมนของแพตตินสันพยายามยึดเหนี่ยวหน้ากากและตัวตนการเป็นแบตแมนอย่างจริงจัง มากกว่าการทำตัวเป็นเศรษฐีคนดังแห่งเกาะ Gotham และการแสดงของแพตตินสันก็เรียกว่าเข้มข้น โฉด ดาร์ก และเถื่อนดิบที่สุดที่เคยมีมา สมใจผู้กำกับที่ต้องการจะให้เป็น ซึ่งเราก็เชื่อว่าทุกคนกำลังติดภาพจำว่าเขาจะเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ถ่ายทอดบทบาทบรูซ เวยน์ ได้ดีเยี่ยมแบบที่ไม่แพ้เวอร์ชั่นไหนๆ 

     การรับเล่นบทมากมายสะท้อนให้เห็นว่าในหัวของแพตตินสันเอง ก็ต้องการตัวละครที่ฉีกกรอบออกไปแบบสุดขั้วในทุกครั้งที่เขาแสดง ไม่ใช่แค่ความต้องการที่จะหลุดออกจากแสงเงาของบทบาทแวมไพร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการพิสูจน์ฝีมือการแสดงด้วยว่าตัวเขาเองมีความสามารถดั่งน้ำที่ลื่นไหลไปตามบทบาท และยังกัดเซาะเข้าถึงหัวใจคนดูได้ด้วยฝีมือการแสดงที่เฉียบคม มากกว่าการใช้ใบหน้าหล่อๆ และทักษะอันน้อยนิดในการเล่นภาพยนตร์ที่ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมากมายอย่าง Twilight และเราเชื่อว่าในตอนนี้แพตตินสันเองก็ส่องแสงในแบบที่เขาต้องการ โดยปราศจากเงาของเอ็ดเวิร์ด คัลเลน ตามตัวเขาอีกแล้ว

ข้อมูล : IMDB, Polygon
ลงทุนทุกอย่างเพื่อสลัดภาพลักษณ์ Robert Pattinson นักแสดงผู้หลุดจากแสงเงาของ Twilight