Vogue Thailand

เจาะหัวใจ ทำไมคนถึงโกหก

ใครๆ ก็เคยโกหก แม้แต่คนที่เกลียดการโกหกก็ยังเคยโกหก นักการเมืองโกหกประชาชน พ่อโกหกลูก ลูกโกหกแม่ สามีโกหกภรรยา ใครเป็นแฟน TED Talks อาจเคยได้ยิน Pamela Meyer

โดย ดุจดาว วัฒนปกรณ์
05 กันยายน 2561

     ถ้าคุณเป็นคนเกลียดคนโกหก ให้อ่านเรื่องนี้

     ถ้าคุณเป็นคนชอบโกหก ก็ยิ่งต้องอ่านเรื่องนี้

     ใครๆ ก็เคยโกหก แม้แต่คนที่เกลียดการโกหกก็ยังเคยโกหก นักการเมืองโกหกประชาชน พ่อโกหกลูก ลูกโกหกแม่ สามีโกหกภรรยา ใครเป็นแฟน TED Talks อาจเคยได้ยิน Pamela Meyer นักเขียนเรื่อง Liespotting ซึ่งพูดให้เรารู้สึกแอบเศร้านิดๆ ว่าคนเราถูกโกหกวันละ 10-200 ครั้งต่อวันอยู่แล้ว! คุณอาจเป็นหนึ่งในจำนวนคนเหล่านั้นที่ร่วมทำแต้ม หรืออาจเป็นคนกระตุ้นให้เกิดการโกหกก็เป็นได้

     ถามจริง ...ครั้งสุดท้ายที่คุณตัดสินใจโกหก คุณทำมันเพราะอะไร

     เรามักจะพูดกันว่า เราโกหกเพื่อรักษาน้ำใจ สำนวนฝรั่งเรียกว่า White Lies ‘คำโกหกสีขาว’ ฟังดูบริสุทธิ์ โกหกแบบเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ทำลายใคร แต่ในทางจิตวิทยามองว่าคนที่ใช้วิธีโกหกแบบนี้ เพราะเขาอยากเลี่ยงความอับอาย หรือไม่ก็เกิดเนื่องมาจากความรู้สึกว่าตนเองสำคัญไม่พอ หรืออาจเพราะไม่อยากทำร้ายความรู้สึกใคร 

     อืม... การโกหกจากเจตจำนงที่ดีมันก็มี แต่ก็ยังนับว่าเป็นการโกหกอยู่ดี ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์จำเป็นแค่ไหน และเท่าที่ดิฉันรับประกันได้คือ... ไม่มีใครชอบถูกโกหก

     เพราะฉะนั้นที่เขียนมานี้ไม่ได้อยากจะบอกว่า “เฮ้ย... คนเราก็มีโกหกกันบ้าง หยวนๆ กันไป” ความซื่อสัตย์ยังไงก็เป็นส่วนสำคัญในทุกความสัมพันธ์ แม้ว่าคุณจะช่ำชองเรื่องการปั้นโกหกแฟนคุณมากแค่ไหน หรือแม้ว่าแฟนคุณจะยังจับไม่ได้ ตัวคุณเองก็ยังทรมานใจต่อเรื่องที่เคยโกหกไว้ พูดอะไรไว้ก็ต้องปะติดปะต่อนั่นนี่ให้มีตรรกะสอดคล้องกันไป และถึงแม้แฟนคุณไม่รู้ความจริง แต่เธอจะรับรู้บางอย่างที่ผิดปกติ ซึ่งเกิดจากความกดดันในใจคุณ และทำให้เธอ ‘เคลือบแคลง’ ในตัวคุณอยู่ดี

     เฮ้ย เธอรู้ได้ไง...?

     ถ้ามองในมุม Neurology of Lying ก็คือเวลาคุณพูดความจริงกับเวลาโกหก คุณใช้สมองคนละส่วนกันอย่างสิ้นเชิง และมันก็ส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาทางร่างกายแตกต่างกัน ถึงแม้แฟนคุณไม่ได้ลงคอร์สวิชาอ่านภาษาร่างกายจากผู้เชี่ยวชาญ เธอก็รับรู้มันได้ เธอแค่ไม่สามารถชี้จุดและวิเคราะห์ทฤษฎีเป็นข้อๆ แต่เพราะภาษากายเป็นภาษาแรกของมนุษย์ คุณและเธอมีวิชานี้ติดตัวอยู่พอๆ กัน เธอก็เลยรับสัญญาณทะแม่งๆ เหล่านั้นได้ และสุดท้ายหนุ่มๆ ก็จะตัดความสงสัยของเธอเหล่านั้นด้วยคำว่า ‘คิดมากน่า’ 

     ในเรื่องการงานก็ไม่ต่างกันเท่าไร ใครจะทำงานอยู่ได้กับคนที่ชอบอุปโลกน์ หลายคนคงเคยมีประสบการณ์ตรงอยู่แล้วในเรื่องนี้ ตัวอย่างจากเพื่อนร่วมงานของดิฉันเอง เธอเป็นนักเล่าเรื่องของตัวเอง มีครั้งหนึ่งดิฉันเกิดตะหงิดๆ ในใจ เธอบอกว่าจบการศึกษาจากอังกฤษ บางวันถึงกับยกชุดน้ำชาแบบผู้ดีอังกฤษมาที่ทำงานเพื่อตอกย้ำความบริ๊ติช แต่ความประหลาดก็เกิดขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่เธอเรียกให้ดิฉันไปอ่านโจทย์แบบทดสอบทางจิตวิทยาภาษาอังกฤษให้ขณะเธอทำ และหลายครั้งเธออ่านภาษาอังกฤษไม่ออกจนน่าตกใจ สุดท้ายเราจึงพบว่าเธอปั้นเรื่องและก็ต้องแพ้ภัยตัวเองจนขอย้ายไป

     คนขี้โกหกนับว่าเป็นป่วยเป็นโรคหรือเปล่า

     การโกหกมีหลายแบบ และบางแบบมีลักษณะเข้าข่ายอาการทางจิตได้ ซึ่งก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันในวงจิตวิทยาว่ามันเป็นโรคหรือเป็นแค่อาการ ความต่างของมันก็คือ คนเราส่วนใหญ่โกหกเพราะมีจุดมุ่งหมายบางอย่างแอบแฝง เพื่อให้ได้อะไรบางอย่างหรือไม่ให้เสียอะไรไป หรือเพื่อหลีกเลี่ยงการรับโทษผิดบางอย่าง แต่ถ้าคุณมีเพื่อนที่ชอบโกหกเป็นนิสัยจนชินทั้งที่ไม่จำเป็นและไม่ได้ต้องการอะไรจากการโกหก แต่ทำเป็นประจำ หรือชอบโกหกว่าตัวเองป่วยนั่นนี่ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไร อันนี้ก็สะกิดเพื่อนไปหาหมอกันได้นะคะ

     ถ้าเช่นนั้นแล้ว มันมีแรงจูงใจหรือแรงผลักดันอะไรที่ทำให้คนเลือกจะโกหกล่ะ...

  • อยากได้ยินแค่สิ่งที่อยากได้ยิน

     เพราะฉะนั้นเวลาเล่าเรื่องราวบางอย่าง เราจะเล่าแค่ส่วนที่จะกระตุ้นให้คนฟังตอบสนองในแบบที่เราอยากเห็น เช่น ถ้าคุณทะเลาะกับแฟนสาว คุณกำลังโกรธ คุณไปเล่าให้แก๊งเพื่อนๆ ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น คุณก็มีแนวโน้มที่จะเล่าว่าผู้หญิงงี่เง่ายังไง ทำนั่นนี่ให้คุณโกรธมากแค่ไหน แต่คุณจะไม่ค่อยเล่าว่าแล้วตัวคุณล่ะทำอะไรลงไปบ้าง นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคนมันต้องการการซัพพอร์ต ก็เลือกจะเล่าในส่วนที่จะนำพาให้คนอื่นมาซัพพอร์ตตัวเอง

  • ไม่เล่าบางอย่างเพื่อรักษาน้ำใจ

     เอาง่ายๆ ถ้าคุณไปเจอแฟนเก่า หลายคนก็เลือกที่จะไม่เล่าให้แฟนปัจจุบันฟังเพราะกลัวว่าจะทำร้ายจิตใจ ทั้งที่ลึกๆ ก็รู้ใช่ไหมว่าการไม่เล่าก็ทำให้เขาเจ็บพอกัน การที่เขาไม่รู้ไม่ได้แปลว่าเหตุการณ์นั้นไม่เกิดขึ้น เมื่อคุณทำไปแล้ว จะยอมรับหรือไม่มันก็เกิดขึ้นแล้ว หากการกระทำนั้นมีความเสียหาย ความเสียหายนั้นก็เกิดขึ้นแล้วไม่ว่าจะมีใครรู้เห็นหรือไม่ก็ตาม มันจะส่งผลกระทบถึงคุณแน่นอนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ในวันใดก็วันหนึ่ง ผู้ชายหลายคนทีเดียวแค่ไม่กล้าจะจัดการกับความรู้สึกเสียใจของฝ่ายหญิงถ้าได้ฟังความจริง คำแนะนำของดิฉันคือ ถ้าคุณ ‘ไม่กล้าเล่า’ ก็ไม่ควร ‘กล้าทำ’

  • ไม่กล้าพูดความจริงเพราะกลัวความผิดหวัง

     คุณเคยเลือกงานก่อนคนที่บ้านไหม ผัดผ่อนมื้ออาหารกับคนที่บ้านเพียงเพราะเลือกงาน แต่พอกลับมาเห็นหน้าคนที่บ้านก็ไม่กล้าจะบอกเขาตรงๆ ว่าเลือกงาน เลยแถไปว่ามันเลี่ยงไม่ได้ ไม่ก็คอมพ์ขัดข้อง งานไม่เสร็จ ไม่ก็เพื่อนร่วมงานกำลังจะคิดสั้น ว่าเข้าไปโน่น 

  • คุณอาจจะกำลังปกป้องตัวเอง

     บางทีคนเราก็ทำอะไรที่ตัวเราก็ไม่ค่อยจะภูมิใจกับมันสักเท่าไร แล้วแทนที่จะเผชิญหน้ากับมันตรงๆ คุณกลับเลือกเติมกลบข้อมูลให้คุณดูดี ในแบบที่คุณเองก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่ หรือคุณอาจจะต้องการการยอมรับ บางทีคุณเลือกขยายความจริงเพื่อให้อีกฝ่ายยอมรับคุณ มันก็เกิดขึ้นได้เพราะทุกคนก็อยากจะรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองกันทั้งนั้น 

     ‘Wholeness for Human Depends on the Ability to own Their Own Shadow’

     คนทุกคนมีทั้งด้านที่ภาคภูมิใจพร้อมให้ใครต่อใครเห็นและด้านที่เว้าแหว่ง คาร์ล ยุง นักจิตวิเคราะห์ชื่อดังพูดประโยคข้างต้นไว้อย่างลึกซึ้ง กล่าวคือ คุณจะเป็นคนเต็มคนก็ต่อเมื่อคุณสามารถยอมรับด้านมืดของตัวเองได้ และในความเป็นจริงก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่สามารถทำได้

     ความกล้าและทักษะการเผชิญหน้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คนเราโกหกน้อยลง คนที่ไม่กล้าเพราะส่วนใหญ่มีเสียงในใจคอยวิพากษ์วิจารณ์และตำหนิตัวเองอยู่เสมอ และเสียงเหล่านั้นก็ดังก้องจนต้องยอมเก็บความไม่สมบูรณ์ของตัวเองเพื่อไม่ให้ใครมาตำหนิซ้ำ คนที่ไม่มีทักษะเผชิญหน้าอาจเป็นเพราะประสบการณ์ก่อนๆ ในชีวิต หรืออาจเป็นเพราะการเลี้ยงดูในวัยเด็กไม่ได้เอื้อให้เกิดพื้นที่ปลอดภัยทางใจ ไม่มีคนเข้าใจความผิดพลาดที่ตัวเองทำ คนรอบข้างอาจบกพร่องในการช่วยประคองให้เขาเห็นคุณค่าของตนเองที่ยังมีอยู่ แม้ว่าจะกระทำบางอย่างพลาดไปแล้วก็ตาม เด็กหลายคนโดนด่าซ้ำ หลายคนเคยโดนการพลัดพราก คนเหล่านี้จึงพยายามอยู่รอดด้วยการไม่โชว์ความพลาดอีกแล้ว

     ถ้าอยากเลิกโกหก ควรทำอย่างไร

     การ ‘เลิก’ โกหก จะทำให้คุณลองใช้วิธีใหม่ในการเผชิญปัญหา ดิฉันแนะนำให้พยายามลดเสียงวิจารณ์ตัวเองในใจ สร้างมุมมองใหม่ว่าคนเรามีหลายมิติ และเรื่องผิดพลาดของเราก็ไม่ได้ลดคุณค่าของความเป็นมนุษย์ลง จงรู้จักให้อภัยตัวเอง และยอมรับจุดบอดบิดเบี้ยวของตัวเองบ้าง 

     มันฟังดูเหมือนสายไป แต่หากการโกหกทำให้บางความสัมพันธ์ที่มีค่าหายไปจากชีวิต คุณอาจเริ่มตระหนักได้และอยากหาทางแก้ แม้อาจจะไม่ได้ความสัมพันธ์ที่มีค่ากลับคืนมา แต่คุณก็จะได้รับของขวัญจากการเป็นคนที่ดีกว่าเดิมแน่นอน แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้น คุณอาจต้องต่อสู้กับตัวเองอย่างมาก การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตบำบัดหรือจิตวิทยาที่ปรึกษาก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดี 

     ถ้าต้องใช้ชีวิตกับคนที่ชอบโกหก ควรทำอย่างไร

     แนะนำให้ปล่อยวาง คนที่ต้องใช้ชีวิตกับคนที่ชอบโกหกถี่ๆ บ่อยๆ แล้วหวังให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรมโดยสร้างความกดดันให้เขามากขึ้น รังแต่จะมีข้อเสีย เพราะความกดดันไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ใครเปลี่ยนแปลง ความเข้าอกเข้าใจและสร้างบรรยากาศปลอดภัยระหว่างกันต่างหากที่จะช่วยให้เขาแชร์เรื่องราวที่แท้จริงกับคุณได้ ในขณะเดียวกัน หากเขาโกหกมากเข้า คุณก็ควรสื่อสารอย่างให้เกียรติกลับไปว่า คุณรู้ว่านี่ไม่ใช่ความจริง และมันไม่โอเคเพราะอะไร อธิบายให้เขาฟังด้วยเหตุด้วยผล 

     การรับมือกับคำโกหกที่ได้ผลมีทางเดียว คือรับมือด้วยความจริง ถ้าคุณอยากให้คนชอบโกหกพูดความจริง คุณต้องมอบความจริงใจให้แก่เขา สื่อสารความรู้สึกแบบตรงไปตรงมา สิ่งเหล่านี้จะทำให้เขารู้สึกปลอดภัย และเมื่อคนเรารู้สึกปลอดภัยเพียงพอ เขาก็จะเริ่มพูดความจริงออกมา