สุดยอดแห่งนวัตกรรมเรือนเวลาคือเป้าหมายของแบรนด์นาฬิการะดับโลกที่มุ่งเน้นพัฒนาเพื่อความเป็นเลิศในหลายมิติ สำหรับ MB&F นักรังสรรค์อิสระที่เพิ่งมีข่าวใหญ่ว่า CHANEL เข้าซื้อหุ้นลงทุนกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ก็เปิดฉากปี 2025 พร้อมกับความน่าตื่นเต้น หลายคนอาจติดภาพว่าแบรนด์นี้คือแบรนด์นาฬิกาที่รังสรรค์นาฬิกาอันเต็มไปด้วยกลไกซับซ้อนและรูปลักษณ์แปลกตา แต่ปีนี้มีการพลิกโฉมใหม่เปิดมิติความเรียบง่ายแต่ยังน่ามหัศจรรย์ กับ ‘MB&F SP ONE’ เรือนเวลาโปร่งใสที่จะทำให้ทุกคนตื่นเต้นกับทุกจังหวะแห่งการบอกเวลา
ชื่อเดิมอย่าง ‘Three Circles’ ถูกแปรเปลี่ยนเป็น ‘SP ONE’ โดยคงรักษาเอกลักษณ์การสรรสร้างนาฬิกาที่เผยรายละเอียดขององค์ประกอบเรือนเวลา 3 องค์ประกอบไว้อย่างครบถ้วน ทั้งบาร์เรล บาลานซ์วีล และหน้าปัด ซึ่งทุกองค์ประกอบมาในรูปแบบวงกลมวางตำแหน่งสามเหลี่ยมคว่ำ เพียงเท่านี้ก็เห็นถึงวิธีการนำเสนอที่ดูน่าตื่นเต้น แต่สำหรับเอ็มบีแอนด์เอฟ การฉีกกรอบเรือนเวลาแบบดั้งเดิมคือลายเซ็นที่ทุกคนคุ้นเคย ดังนั้นนาฬิกาขนาด 38 มิลลิเมตร ที่สร้างภาพจำแบบใหม่ทั้งเรื่องขนาดและวิธีการนำเสนอจึงมีรายละเอียดที่น่าสนใจซ่อนอยู่อีกไม่น้อย
เพียงแค่การจัดวางก็ทำให้รูปลักษณ์น่าสนใจแล้ว ทว่าความน่าสนใจตรงนี้ยังถูกเพิ่มทวีคูณด้วยการนำเสนอทุกองค์ประกอบผ่านโดมแซปไฟร์ใสกริบ สร้างภาพการลอยละล่องในอากาศราวกับไม่มีอะไรยึดโยงองค์ประกอบหลักทั้ง 3 ชิ้นกับตัวกรอบเลยแม้แต่น้อย Maximilian Büsser ต้องการเนรมิตเรือนเวลาโฉมใหม่ที่เปี่ยมด้วยความคลาสสิก แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของนาฬิกาจากเมซงไว้อย่างครบถ้วนที่สุด ครั้งนี้ความคลาสสิกผสมผสานกับนวัตกรรมล้ำสมัยท้าทายแรงโน้มถ่วงและสร้างประสบการณ์การมองเห็นที่ไม่เหมือนใคร
ในช่วงเวลาที่มีการแข่งขันดุเดือดเกี่ยวกับสถิติแต่ละประเภท แต่เอ็มบีแอนด์เอฟเลือกเดินบนเส้นทางของตัวเองโดยแข่งกับขีดจำกัดในการรังสรรค์เรือนเวลาในรูปแบบเฉพาะตัวมากกว่า พร้อมตั้งบนรากฐานแนวคิด “สิ่งที่ไม่คาดฝันก็สามารถนำมาซึ่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่” เพราะเชื่อว่าทุกคนมีภาพจำกับเอ็มบีแอนด์เอฟเกี่ยวกับความล้ำแปลกตาของเรือนเวลา การนำเสนอเรือนเวลาหน้าตาคลาสสิกที่เรียบหรูแต่เปี่ยมด้วยความพิเศษเหนือระดับคือสิ่งที่คอนาฬิกาพันธุ์แท้ไม่คาดคิดอย่างแน่นอน โปรเจกต์ที่ซุ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2018 วันนี้เมื่อเผยโฉมออกมาก็ทำแฟนๆ ทึ่งและประหลาดใจในเวลาเดียวกัน
ความลับที่แสนท้าทายของนาฬิกาเรือนนี้คือการจัดวงทุกองค์ประกอบในการขับเคลื่อนไว้หลังองค์ประกอบหลักทั้ง 3 ชิ้นบบพอดิบพอดี ทำให้การมองนาฬิกาเพื่อระบุเวลาไม่ได้มองทะลุเห็นเครื่องและรายละเอียดต่างๆ แต่เหมือนกำลังมองงานศิลปะที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ ตัวเรือนถูกเนรมิตให้รู้สึกเหมือนยานอวกาศ นอกจากนี้ยังมีวิธีการสร้างภาพลวงตัวจากบริเวณตัวเรือนและ lug ที่ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความล่องลอยอย่างสมจริงมากขึ้น และนาฬิกาเรือนนี้ยังเป็นนาฬิกาที่บางที่สุดเท่าที่เอ็มบีแอนด์เอฟเคยรังสรรค์มาอีกด้วย ข้อมูลเทคนิคของตัวเรือนประกอบด้วยวัสดุแพลทินัมและโรสโกลด์ (มี 2 เวอร์ชั่น) กลไกไขลาน Manual Winding สำรองเวลาได้ 72 ชั่วโมง มาพร้อมศักยภาพการกันน้ำมากถึง 30 เมตร สายมาในรูปแบบหนังคาล์ฟตัวล็อกแบบเข็ม ผสมผสานรวมกันเป็นสุดยอดเรือนเวลาที่เป็นอีกหนึ่งสุดยอดนวัตกรรมจากแบรนด์นาฬิกาที่เนรมิตสิ่งมหัศจรรย์ให้กับโลกนาฬิกาเสมอมา
(สามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับนาฬิกาได้กับบทความ VOGUE SCOOP | เจาะทุกเรื่องจาก Watches & Wonders 2025 งานนาฬิกาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปีนี้)