“โดยธรรมชาติแล้ว ชีวิตมนุษย์นั้นต่างมีความเจ็บปวดทรมานเป็นเจ้าเรือน”...
จะว่าใช้ชีวิตคุ้มก็ไม่เชิง แต่จิตรกรหญิงที่ชื่อ ฟรีดา คาห์โล ก็ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชน ทั้งการป่วยเป็นโปลิโอ, การประสบอุบัติเหตุจนเกือบเสี่ยงกลายเป็นผู้พิการตลอดชีวิต, โดนนอกใจจากสามีที่เธอรัก ไปจนถึงการประกาศตัวเป็นไบเซ็กชวล และกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญในการเคลื่อนไหวด้านสตรีนิยมแบบถอนรากถอนโคน กระนั้นฟรีดาก็จากโลกนี้ไปอย่างรวดเร็วในวัยเพียง 47 ปีเท่านั้น จากสาเหตุของสุขภาพร่างกายอันย่ำแย่จากการใช้สารเสพติด และดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักในช่วงหลังเพื่อบำบัดชีวิต ทิ้งไว้เพียงผลงานแสนนิ่งเงียบไร้ชีวิตชีวาชิ้นสุดท้ายอย่าง Viva la Vida, Watermelons ให้ได้ดูต่างหน้า ทว่าเรื่องราว และผลงานของเธอก็ไม่ได้ตายตกไปตามกัน เพราะ 16 ปีให้หลังจากปีที่เธอเสียชีวิตลง ทางการของประเทศเม็กซิโกยังได้เล็งเห็นถึงคุณค่าของงานศิลปะของเธอ กระทั่งที่สร้างพิพิธภัณฑ์งานศิลปะของเธอให้ที่ “บ้านสีน้ำเงิน” บ้านหลังเดิมที่เธอเคยอาศัยอยู่ตอนที่ยังมีชีวิต นอกจากนี้สไตล์ของเธอเองก็ยังคงอยู่ตลอดกาล กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับรันเวย์โชว์ของแบรนด์แฟชั่นดังหลากหลายแบรนด์ในอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นคอลเล็กชั่นประจำปี 1988 ของแบรนด์ Jean Paul Gaultier, แบรนด์ Moschino คอลเล็กชั่นฤดูกาลใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ปี 2012, แบรนด์ Alberto Ferretti ประจำปี 2014 หรือกระทั่งบนรันเวย์ของแบรนด์ Dolce & Gabbana คอลเล็กชั่นฤดูกาลใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ปี 2015 ที่ล้วนแล้วแต่ปลุกชีพจิตรกรหญิงคนนี้ขึ้นมาให้โลกใบนี้ไม่ลืมเลือนเธอ ต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน แม้ในตอนที่คุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ก็ตาม...

ย้อนรอยแฟชั่นของ Rachel Green จากซีรีส์คอมเมดี้ Friends กับสไตล์ยุค 90 ที่ใครๆ ก็ต้องแต่งตาม!

ยิ่งกว่าซินเดอเรลล่า! ย้อนรอย Grace Kelly จากดาราฮอลลีวู้ดสู่ 'เจ้าหญิงแห่งโมนาโก'

ย้อนรอยแฟชั่นชุดผ้าฝ้าย และเครื่องเพชรสุดอื้อฉาว เส้นทางมรณะสู่ความตายของ มารี อ็องตัวแน็ต!

ย้อนเบื้องหลังชุดชาเนลเปื้อนเลือด...ของ 'แจ็กกี้ เคนเนดี้' ในวันที่สามีถูกฆาตกรรม!


